ว่ากันว่า “การเลี้ยงดูจากครอบครัว” นั้นเป็นพื้นฐานี่สำคัญในการปลุกปั้นบุคลากรเข้าสู่สังคม แต่ละครอบครัวก็มีวิธีการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันออกไปตามวิสัยทัศน์และทัศคติ แต่แม่นุ่มไปเจอแฟนเพจหรือชุมชนออนไลน์หนึ่งค่ะ ที่ตั้งชื่อได้ดูน่ารักและเมื่อลองเข้าไปดูเนื้อหาในการนำเสนอเรื่องราวของการเลี้ยงลูกแล้ว ยิ่งทำให้เราอยากทำความรู้จักกับเจ้าของแฟนเพจมากขึ้น กับบทนำเล็กๆ ที่ว่า…
การเลี้ยงลูกเชิงบวก เพื่อความสัมพันธ์ ความสุข และผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
พร้อมแล้วไปทำความรู้จักกับคุณแม่ท่านนี้กันค่ะ!
“สวัสดีค่ะ ชื่อ ริน ไม่ใช่คุณหมอค่ะ (แฟนเพจชอบทักว่าเป็นหมอ -*-) เป็นแม่ของน้องอัณณามาเกือบ 5 ปีแล้วค่ะ อัณณาเป็นเด็กที่มีพื้นนิสัยอยู่ในกลุ่มเด็กเลี้ยงยาก เซ้นสิทีฟมาก และเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสท์ค่ะ เรียกว่ารวมของยากไว้ในตัวเลย
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่รินศึกษาการเลี้ยงลูกเชิงบวก เพราะการเลี้ยงลูกแบบอื่นๆ ไม่ตอบโจทย์ อย่างเช่น การเพิกเฉยหรือทำ time out ทำให้ลูกรู้สึกว่ารินปฏิเสธเขา ไม่รักเขาค่ะ
หลังจากใช้วิธีเลี้ยงลูกเชิงบวกมาได้หลายปี ตอนนี้อัณณาเป็นเด็กอารมณ์ดีมาก สุขง่าย ทุกข์ยาก ร่าเริง มีความพยายาม อดทน ไม่ล้มเลิกอะไรง่ายๆ และมองโลกในแง่ดีมากๆ อัณณาคิดถึงคนอื่นเสมอ อย่างตอนที่เธอเรียนเรื่องสารอาหารมา พอเธอคิดว่าเด็กๆ ในทะเลทรายไม่มีนม ไม่มีเนื้อสัตว์กิน น่าจะขาดโปรตีน เธอก็ชวนแม่นั่งเครื่องบินไปอาฟฟริกา เธอจะเอานมไปให้เด็กๆ ที่นั่นกินค่ะ (แต่สุดท้ายก็จบลงที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนใกล้บ้านนะคะ)”
จุดเริ่มต้นของการเปิดแฟนเพจ ‘รักลูกให้กอด’
“รินสร้างเพจนี้ขึ้นมา เพราะรู้สึกว่าการเลี้ยงลูกให้ดีเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะการเลี้ยงลูกเชิงบวกที่ต้านกระแสรักลูกให้ตี การจะฝืนกระแสได้ นอกจากความรู้ความเข้าใจแล้วเรายังต้องการกำลังใจ ซึ่งมันจะง่ายขึ้นมากถ้าเราทำมันไปด้วยกัน เพจรักลูกให้กอดจึงเหมือนชุมชนการเลี้ยงลูกเชิงบวกที่เราจะเลี้ยงลูกไปด้วยกันค่ะ”
สร้างชุมชน ‘รักลูกให้กอด’ ด้วยใจรัก
เมื่อถามคุณรินถึงสิ่งที่ทำให้ ‘รักลูกให้กอด’ แตกต่างจากแฟนเพจแนวคุณแม่ เลี้ยงลูก อื่นๆ คืออะไร คุณรินตอบเราไว้แบบนี้ค่ะ
“รินไม่เคยคิดเลยว่าเพจของรินแตกต่างจากคนอื่นยังไง ไม่เคยคิดว่าต้องทำให้ต่างด้วย เพราะเราไม่ได้ต้องการโดดเด่น ไม่ได้ทำมาในเชิงธุรกิจ เราแค่ทำในสิ่งที่เราต้องการ สร้างชุมชนการเลี้ยงลูกเชิงบวกขึ้นมา อย่างรินจะอ่านหนังสือการเลี้ยงลูกและพวกงานวิจัยใหม่ๆ เยอะมาก พอมีอะไรดีๆ ก็นึกถึงกัน เอามาฝากกัน
อยากให้คุณพ่อคุณแม่หันมาเลี้ยงลูกเชิงบวกกันเยอะๆ สังคมเราจะได้ดีขึ้น เพราะเด็กๆ ที่เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูที่ดี ก็จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดี”
“การเลี้ยงลูกในเชิงบวก” มีวิธีอย่างไร
“การเลี้ยงลูกเชิงบวกในความเข้าใจของรินไม่ใช่เทคนิคนะคะ แต่เป็นเหมือนหลักปรัชญา เราเห็นลูกเป็นมนุษย์คนนึง ให้เกียรติลูก เรารู้ว่าเด็กเกิดมาพร้อมสมองเพียง 10% และกว่าสมองส่วนหน้าจะพัฒนาเต็มที่ก็อายุ 20 กว่าๆ นู่นเลย
ดังนั้น มันไม่แฟร์ที่จะทำโทษลูกเมื่อลูกไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนผู้ใหญ่ เราเลยเลือกสอนลูกอย่างอ่อนโยน ด้วยความรัก ด้วยความเข้าใจในสมองและพัฒนาการ
ความสนใจของเราจึงมุ่งไปที่ เราจะสอนอะไร และสอนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ใช่เราจะควบคุมลูกให้ทำตามเราได้อย่างไร ความสัมพันธ์กับลูกเป็นต้นทุนของเราที่ทำให้ลูกฟังเรา เชื่อเรา ดังนั้นเราจะไม่ตีลูก และพยายามเลี่ยงการลงโทษลูก เพราะมันเป็นการทุบกระปุกความสัมพันธ์ที่อุตส่าห์สั่งสมมา เราเลือกให้ลูกได้บทเรียนตามธรรมชาติ หรือบทเรียนที่เป็นเหตุเป็นผลกันกับการกระทำของลูก (อย่างเช่น ทำน้ำหกก็ต้องเช็ด ไม่เก็บของเล่น ของเล่นหายก็อดเล่น) โดยมีเราทำตัวเป็นนางฟ้าใจดีที่เห็นใจและคอยให้กำลังใจลูก เมื่อลูกต้องเผชิญกับบทเรียนนั้นๆ
เราสอนให้ลูกรู้จักอารมณ์และการแสดงออกอย่างเหมาะสม เพราะปัญหาพฤติกรรมเด็กจำนวนมากมาจากความไม่เข้าใจอารมณ์และไม่รู้จักการจัดการอารมณ์ของเด็ก
เราไม่สอนด้วยอารมณ์ เพราะถ้าเราสอนตอนเรากำลังโกรธลูก ลูกจะรับได้แต่อารมณ์โกรธของเรา ลูกจะกลัวจนสมองส่วนบนไม่ทำงาน สอนไปก็ไม่เข้าหัว และถ้าลูกกำลังมีอารมณ์คุกรุ่น เราจะช่วยลูกให้สงบอารมณ์ลงให้ได้ก่อนที่จะสอน
ผลลัพธ์ที่ได้ดีมากๆ เพราะเราสอนเรื่องอารมณ์ลูกเลยมีความฉลาดทางอารมณ์ เพราะเราไม่เข้าไปควบคุมลูกแต่ปล่อยให้ลูกได้ตัดสินใจเองและรับผลลัพธ์นั้นๆ ลูกเลยรู้จักที่จะคิดก่อนทำ ได้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบผลจากการกระทำ และควบคุมตัวเอง เพราะเราไม่เป็นคนเข้าไปคอยดุ คอยตี คอยซ้ำเติมลูก ไม่ไปเป็นศัตรูกับลูก ความสัมพันธ์แม่ลูกก็เลยดีมากๆ ลูกไม่ทำในสิ่งที่คิดว่าแม่ไม่ชอบ และพอทำอะไรผิดพลาดไปก็มาบอกเสมอ ลูกไม่เคยโกหกหรือคิดปิดบังเลยค่ะ”
มุมมองเกี่ยวกับ “คุณแม่สมัยใหม่” ของรักลูกให้กอด
“คุณแม่สมัยใหม่ใส่ใจลูกมากขึ้นเยอะมากค่ะ มากจนบางครั้งลืมตัวเองไปเลย ซึ่งไม่ควรนะคะ เราจะดูแลลูกให้ดีได้ เราต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน ถ้าเราปล่อยให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป สุดท้ายก็สติหลุด ไปปรี๊ดลงที่ลูก จะเล่นกับลูกร่างกายก็ต้องฟิตพอ เด็กๆ นี่พลังงานเยอะจริงๆ ค่ะ”
แม่รินกับ ‘รักลูกให้กอด’ และสิ่งสำคัญในการเลี้ยงลูก
“ความรัก ความรู้ และความเข้าใจค่ะ เราใช้ใจนำ ใช้สมองคอยบังคับทิศทาง ใช้สติคอยควบคุมคำพูดและการกระทำของเราให้ไม่เป็นไปตามอารมณ์ค่ะ”
นับว่าเป็นเรื่องราวดีๆ กับอีกหนึ่งมุมมองการเลี้ยงลูกที่แม่นุ่มอยากให้คุณพ่อคุณแม่ จริงๆ ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมืออาชีพได้ลองทำความรู้จักกับวิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกจากแฟนเพจ ‘รักลูกให้กอด‘ โดยเพื่อนๆ ชาว HealthandTrend.com สามารถติดตามเรื่องราวของน้องอัณณาและคุณแม่รินได้ที่นี่เลยค่ะ รักลูกให้กอด 🙂