นอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงและมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันมีความเกี่ยวข้องกับภาวะ Metabolic Syndrome หรืออาการ “อ้วนลงพุง” งานนี้มีงานศึกษาที่สนใจได้เปิดเผยไว้! โดยผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร BMC Public Health ซึ่งเป็นวารสารการเข้าถึงแบบเปิดซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชายและผู้หญิงเกาหลีใต้ที่อายุระหว่าง 40-69 ปีจำนวน 133,608 ราย
นักวิจัยจากวิทยาลัยการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยโซลพบว่า เมื่อเทียบกับคนที่นอนหลับ 6-7 ชั่วโมงต่อวันผู้ชายที่หลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงมักมีภาวะอ้วนลงพุง มีรอบเอวที่สูงขึ้น ผู้หญิงที่หลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงมีแนวโน้มที่พุงเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
Claire E. Kim ผู้นำของการศึกษาในครั้งนี้ กล่าวว่า
นี่คือการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการตอบสนองระหว่างเวลานอนกับโรค Metabolic Syndrome และส่วนประกอบแยกต่างหากสำหรับชายและหญิง เนื่องจากเราสามารถขยายตัวอย่างของการศึกษาก่อนหน้านี้ เราจึงสามารถตรวจพบความสัมพันธ์ระหว่างการนอนหลับกับกลุ่มอาการเมตาบอลิซึ่มที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน เราได้สังเกตุถึงความแตกต่างทางเพศระหว่าง ระยะเวลาการนอนหลับและภาวะ Metabolic Syndrome โดยมีความสัมพันธ์ระหว่างเมตาบอลิกซินโดรมกับการนอนหลับที่ยาวนานของผู้หญิงและภาวะ Metabolic Syndrome และการนอนหลับพักผ่อนระยะสั้นในผู้ชาย
ผู้เข้าร่วมในการศึกษาจะได้รับการพิจารณาว่ามีภาวะ Metabolic Syndrome ถ้ามีอย่างน้อย 3 อย่างดังต่อไปนี้
- เส้นรอบเอวสูง
- ระดับไตรกลีเซอไรด์สูง
- ระดับคอเลสเตอรอลสูง (หรืออยู่ในเกณฑ์ดี ในระดับที่ต่ำ)
- ความดันโลหิตสูงและน้ำตาลในเลือดสูง
ความชุกของโรค Metabolic Syndrome พบที่ 29% ในผู้ชายและ 24.5% ในผู้หญิง โดยความชุกของโรคนี้ในเกาหลีสูงนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระบุปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เช่น ระยะเวลาการนอนหลับ นั่นเอง
โดยสิ่งที่ยังต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติมและมีปัจจัยที่ทำให้การศึกษาคลาดเคลื่อนคือ การรายงานของผู้เข้าร่วมการศึกษา บางทีพวกเขาอาจสับสนระหว่างจำนวนเวลาการนอนจริงๆ กับเวลาที่ใช้บนเตียง ซึ่งไม่เหมือนกัน
สิ่งสำคัญก็คือ การนอนหลับที่สนิทหรือนอนอย่างมีคุณภาพต่างหากคือตัวที่จะชี้วัดสุขภาพที่ดี แบบนี้แล้วคงต้องเดินทางสายกลางนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ควบคุมตรงนี้รับรองสุขภาพดีขึ้นแน่นอน