“คอลลาเจน”
คือโปรตีนชนิดหนึ่ง เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื้อเกี่ยวพันที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ทำให้ผิวหนังตึงกระชับ เนียนนุ่มชุ่มชื่น ดูอ่อนเยาว์รวมถึงเป็นส่วนประกอบในกระดูกข้อต่อ ช่วยผสานแคลเซียมในเนื้อกระดูกให้คงรูปแข็งแรง
เมื่ออายุเริ่มเข้าวัย 20 ปีขึ้นไป ตามหลักทางการแพทย์นั้น คอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวหนังก็จะเริ่มสลายไปเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ปริมาณคอลลาเจนก็ยิ่งน้อยลง ซึ่งนอกจากจะทำให้ผิวพรรณหย่อนคล้อย มีริ้วรอย รูขุมขนกว้างขึ้น ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสีย มวลกระดูก กระดูกบาง และปวดข้อเข่าเช่นกัน ไม่แปลกที่ “คอลลาเจน” ในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ จึงเป็นคำตอบของสาวยุคนี้
ปัจจุบัน “คอลลาเจน” มีให้เลือกรับประทานมากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการชงดื่ม แคปซูลคอล หรือแบบอัดเม็ด คำถามที่ตามมาก็คือ จะรับประทานคอลลาเจนอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งตรงนี้เราได้รวบรวมคำตอบไว้ ดังนี้
- เลือกคอลลาเจนบริสุทธิ์ที่มีสารเจือปนน้อยที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการรับเอาสารปรุงแต่งเข้าร่างกาย
- เลือกคอลลาเจนที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเช่น ต่ำกว่า 2,000 ดาลตัน จะช่วยให้การดูดซึมดีขึ้น
- รับประทานคอลลาเจนในช่วงท้องว่าง เพราะการรับประทานคอลลาเจนพร้อมอาหาร ร่างกายเราจะดูดซึมสารอาหารจากอาหารหลัก ทำให้การดูดซึมคอลลาเจนมีประสิทธิภาพน้อยลง
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการทานคอลลาเจน คือ ก่อนนอน หรือ หลังตื่นนอนทันที เพราะเป็นช่วงที่ท้องว่าง ร่างกายเราจะดูดซึมคอลลาเจนได้ดีที่สุด
- ถ้าอยากรับประทานคอลลาเจนให้ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องทานคู่กับวิตามินซีเพราะวิตามินซีช่วยให้การดูดซึมของคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ที่ร่างกายยังสามารถสร้างคอลลาเจนได้เอง หากกินคอลลาเจนเข้าไปอีกจะยิ่งได้รับโปรตีนมากเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นผลเสียต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย
นอกจากนี้ในกลุ่มที่มีอาการแพ้อาหาร เป็นโรคไต และโรคประจำตัวอื่นๆ ที่แพทย์สั่งจำกัดการรับประทานโปรตีนทุกชนิดก็ห้ามทานคอลลาเจนเด็ดขาด หากทานแล้วเกิดความผิดปกติ รู้สึกร้อนๆ บวมๆ มีผื่นขึ้น แนะนำว่าให้หยุดทาน และควรไปพบแพทย์ทันที
