ยุคนี้การศัลยกรรมความงามถือเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย แถมเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับความงามยังพัฒนาไม่หยุดยั้ง มีอะไรใหม่ๆ ให้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ ล่าสุดกับการศัลยกรรมเสริมเต้านมจากประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้เทคโนโลยีการฝังไมโครชิปว่ากันว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าเทคนิคเดิมๆ มาก
นพ.วิษณุ โล่ห์สิริวัฒน์ ศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสร้าง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเต้านมเทียมที่มีการฝังไมโครชิปว่า…
ข้อดีคือช่วยบอกหรือการันตีว่ามีการเสริมเต้านมเทียม หรือซิลิโคนลงไปในเต้านมจริงๆ และซิลิโคนที่ใส่ไปนั้นมีขนาดเท่าไร ลักษณะเป็นแบบไหน ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาขึ้นหลังการเสริมเต้านมก็จะช่วยให้ง่ายต่อการติดตาม หรือการแก้ไข
แต่ปัญหาคือต้องอาศัยเครื่องมือเฉพาะของบริษัทที่ผลิตเต้านมเทียมฝังไมโครชิปในการใช้ตรวจติดตามอยู่ดี ซึ่งศัลยแพทย์ตกแต่งไม่ได้มีเครื่องมือนี้กันทั้งหมดทั้งนี้ ไม่ได้มีข้อมูลการันตีว่า การเสริมเสริมเต้านมเทียมฝังไมโครชิปแล้วผลจะดีกว่า หรือป้องกันการติดเชื้อได้ หรือการเกิดพังผืดขึ้นรอบๆ เต้านมเทียม
ที่สำคัญไมโครชิปดังกล่าวยังไม่สามารถบอกหรือส่งสัญญาณได้ว่า เต้านมเทียมที่ใส่ไปเกิดความผิดปกติขึ้นจริงหรือไม่ เช่น ซิลิโคนแตก รั่ว ซึม เนื้อเจลผิดปกติ การเกิดพังผืดรอบๆ เต้านมเทียม หรือเกิดการติดเชื้อขึ้น ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใส่ขนาดของเต้านมเทียมที่ไม่เหมาะสม หรือใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม เกิดการติดเชื้อ การเคลื่อนที่ของตำแหน่งซิลิโคนจากที่วางไว้มากกว่า
ข้อแนะนำก่อนการศัลยกรรมเสริมเต้านม
1. ต้องพิจารณาสถานพยาบาลว่าเชื่อถือได้หรือไม่
เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งจริงหรือไม่ โดยต้องเลือกแพทย์ที่ทำให้แล้วมั่นใจว่าจะมีการติดตามดูแลได้ตลอดในระยะยาว เพราะเมื่ออนาคตหากเกิดความผิดปกติของเต้านมจะได้มีการตรวจติดตามเพื่อรักษาหรือแก้ไขได้
2. ควรขอซีรีส์นัมเบอร์ของซิลิโคนที่เสริมเข้าไปจากสถานพยาบาลนั้นๆ กลับมาด้วย
เพื่อในระยะยาวหากมีปัญหาเกิดขึ้น แพทย์ที่ทำการแก้ไขจะได้ทราบว่า เสริมเต้านมเทียมด้วยวัสดุอะไร ขนาดเท่าไร รูปทรงแบบใด เพราะส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ผู้ป่วยมักจำไม่ได้ว่าเสริมเต้าแบบใดมา ทำให้ยากต่อการแก้ไข
ที่สำคัญหลังการศัลยกรรมคนไข้ต้องคอยดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยว่า รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนไปหรือไม่ แข็งขึ้นหรือไม่ เบี้ยว หรือบวมแดงหรือไม่ หากผิดปกติให้รีบพบแพทย์
