ช่วงนี้ดูเหมือนว่าข่าวเกี่ยวกับแก็งโจ๋รุมฆ่าคนพิการนั้นจะเป็นที่ฮือฮาในสังคมโซเชี่ยลเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนขวัญให้กับประชาชนที่ได้เห็นข่าว เพราะจากคลิปที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้นจะเห็นว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงและไร้ซึ่งความปราณี ทั้งผู้กระทำยังเป็นวัยรุ่นอีกด้วย!
แบบนี้แล้วทำให้เฮียคิดถึงเรื่องงานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสารกุมารเวชศาสตร์แห่งประเทศออสเตรเลีย โดย คุณหมอจอร์จ แพตตอน ได้ทำการศึกษาวัยรุ่นตอนต้นชาวออสเตรเลียอายุ 12-14 ปี กว่า 5,000 คน เป็นเวลา 3 ปี พบว่า…
วัยรุ่นที่มองโลกในแง่ดี โตมาจะไม่ใช้ความรุนแรงและไม่ต่อต้านสังค…แต่จะให้ดี พ่อแม่ผู้ปกครองต้องร่วมด้วยช่วยอีกแรง ในหมู่วัยรุ่นกลุ่มนี้ หากใครมีพฤติกรรมคิดบวกก็สามารถรับมือกับปัญหาและสถานการณ์ไม่คาดฝันได้ดีกว่า และห่างไกลจากการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและพฤติกรรมต่อต้านสังคมเมื่อโตขึ้น
แต่การต้องพบปัญหาหรือสถานการณ์ร้ายบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้เด็กเปลี่ยนจากการมองในมุมบวกกลายเป็นคนคิดลบมองโลกในแง่ร้ายได้ผู้ใหญ่ในบ้านจึงต้องสวมบทพระเอกขี่ม้าขาวเข้าช่วยในเรื่องนี้
คุณหมออเลค แอล. มิลเลอร์ ผู้อำนวยการโครงการโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายในวัยรุ่นแห่งศูนย์การแพทย์มอนเตฟิออเร นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ชี้แนะ 3 ขั้นตอนง่ายๆ ให้พ่อแม่ลองไปทำดู ดังนี้
- เมื่อวัยรุ่นเจอสถานการณ์ร้าย เราต้องให้เวลาเขาอยู่กับสถานการณ์นั้นระยะหนึ่ง
- จากนั้นคุยอย่างเปิดอกว่า แม้เรื่องที่เจอดูเหมือนจะร้ายแรง แต่อาจร้ายกว่านี้ได้อีก พร้อมยกตัวอย่าง
- เปลี่ยนมุมมองของพวกเขาอย่างนุ่มนวล ให้เข้าใจว่าสถานการณ์ที่เจอตอนนี้ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด และยังแก้ไขได้ด้วยวิธีการมากมาย
แล้วเด็กๆ จะแข็งแรงขึ้น รับมือกับปัญหาได้ และไม่ป่วยใจแน่นอน!