เมื่อชีวิตคู่มาถึงจุดแตกหักที่ต้องแยกทางกัน ก็คิดซะว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา คุณต้องเปิดใจยอมรับและก้าวต่อไป แม้จะฟังดูง่าย แต่สำหรับคนที่กำลังเผชิญกับความผิดหวังคงต้องมีใจที่หนักแน่น จะมัวนั่งเศร้าให้เสียเวลาไปเพื่ออะไรล่ะ มาทำตามวิธีทีเฮียเอามาฝากกันดีกว่า
หันกลับมารักตัวเอง
ยิ่งทุกข์ยิ่งต้องรักและสงสารตัวเองให้มาก ในขณะที่คุณกำลังฟูมฟาย รู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างเศร้าเหลือเกิน แต่ในเวลาเดียวกันเขาคนนั้นกลับไม่รับรู้มันเลยและยังมีความสุขในแบบของเขา ดังนั้นหยุดทำร้ายร่างกายและจิตใจด้วยการย้ำคิดหรือมโนซ้ำไปซ้ำมา ร่างกายนี้พ่อแม่สร้างมาด้วยความรัก อย่าปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายเด็ดขาด
เอ็นจอยพื้นที่ส่วนตัว
คุณอาจมีบ้าน หรือสำหรับคนที่อยู่คอนโดฯ อาจมีห้องส่วนตัวที่คุณจะได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง พื้นที่นี้หากทำให้คุณนึกถึงแฟนเก่า อาจต้องมีการจัดแจงที่ทางเสียใหม่ หรือทิ้งของเก่าๆ ของเขาซะ จงมีความสุขอยู่ในพื้นที่ของคุณ ในเวลาที่คุณว่างลองคิดดูว่า หากคุณมีแฟนจะมีเวลาดื่มด่ำความสุขกับเพื่อนๆหรือมีเวลาพักผ่อนส่วนตัวแบบนี้มั้ย
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการคิดดี
ตื่นขึ้นมาด้วยแนวคิดในแง่บวก ควบคุมอารมณ์ให้แจ่มใส หากมันยากที่จะข่มใจก็แค่สวดมนต์ นั่งสมาธิ และขออโหสิกรรมต่อกัน สำหรับชาวพุทธ การขออโหสิกรรมต่อคนที่ทำร้ายเรานับเป็นการยอมรับที่กล้าหาญ แล้วคุณจะรู้สึกมีความสุขกับการคิดดีแบบนี้มากขึ้น
คิดดีและทำดีเพื่อรักครั้งต่อไป
เริ่มต้นด้วยการคิดถึงคนรักหรือคู่ครองในทางที่ดีสักวันละหนึ่งอย่าง จำเฉพาะสิ่งดีๆ ที่เขาเคยทำให้ จะได้ไม่เกิดความทุกข์ติดตัว หากมองโลกให้สดใส ชีวิตคุณก็จะสดใสเช่นกัน เมื่อจิตใจสดใสก็จะสะท้อนออกมาเป็นออร่าให้คนอื่นได้เห็นและออาจมีคนมาตกหลุมรักคุณอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวก็ได้
อยู่ห่างเพื่อนที่ชอบดราม่า
บางครั้งเพื่อนหรือคนรอบตัวก็อาจทำให้คุณหลงทิศ ยิ่งเมื่อคุณอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังทุกข์ก็ควรเอาตัวออกห่างจากเพื่อนๆ (บางคน) เสียบ้าง สิ่งไหนควรหรือไม่ควรเล่าให้ใช้สติยั้งคิดให้ดี ในบางครั้งความหวังดีของเพื่อนกลับเป็นผลร้ายต่อคุณ เพื่อนอาจพูดจาในทางลบ หรืออาจอิจฉาริษยาอยู่ลึกๆ เพื่อนเหล่านี้อาจทำให้คุณคิดผิดหรือมองเกี่ยวกับตัวเองในแง่ลบ จำไว้ว่าแม้พวกเขาจะเป็นเพื่อนรัก แต่ก็อาจไม่รู้ถึงปัญหาในเชิงลึกของคุณจริงๆ ก็ได้
ทิ้งท้ายด้วยเพลงของคุณป๊อป ปองกูล “ปล่อย” เฮียเชื่อว่า… ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เพื่อตัวเราเอง