“ปวดหลัง” แบบไหนถึงควรไปหาหมอ?

0

“ปวดหลัง” จัดเป็นอาการยอดฮิตของคนยุคนี้ก็ว่าได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นอาชีพที่เน้นการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ รวมถึงการเดินทางท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดทำให้ต้องนั่งหรือยืนอยู่บนรถนานๆ ทั้งนี้ การปวดหลังเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และมีอาการแสดงที่แตกต่างกัน สาเหตุของอาการปวดหลังแบ่งคร่าวๆ ได้ดังนี้

Fit woman touching her sore back

1. เกิดจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ

การใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นนานๆ ซ้ำๆ เช่น นั่งในท่าเดิมนาน ก้มเงยบ่อยๆ ทำงานหรือเล่นกีฬาที่ต้องเอี้ยวตัวซ้ำๆ อาการปวดจะเกิดขึ้นขณะที่มีการเคลื่อนไหวใช้กล้ามเนื้อมัดนั้น และจะดีขึ้นเมื่อได้พัก

2. เกิดจากข้อต่ออักเสบ

จากการใช้ข้อต่อซ้ำๆ เช่น ก้มเงย บิดตัวไปมา อาการปวดจะเกิดหลังจากได้พักแล้วเริ่มเคลื่อนไหวข้อต่อนั้น พอเคลื่อนไหวสักครู่จะปวดน้อยลง

3. เกิดจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

จากการแบก หรือยกของหนักผิดท่า อาการปวดหลัง จะเกิดขึ้นทันทีขณะที่ก้มยกของ ต่อมาจะเริ่มปวดร้าวไปที่ขา ปวดมากขึ้นเมื่อเดินและดีขึ้นเมื่อได้นอนพัก ถ้าเส้นประสาทถูกกดทับหรืออักเสบนานๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรงหรือชา

4. เกิดจากกระดูกสันหลังเสื่อม

เมื่ออายุมากขึ้นข้อต่อกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูกเสื่อมทรุดลง ทำให้กระดูกผิดรูป หรือเคลื่อนตัวทำงานผิดปกติ อาจจะกดเส้นประสาททำให้ปวดหลังร้าวไปขาได้ มักมีอาการปวดมากขึ้นถ้าต้องเดินไกลๆ เวลาเดินก้มตัวเล็กน้อยอาจช่วยให้ปวดน้อยลง

5. เกิดจากเนื้องอกที่กระดูกสันหลัง

เนื้องอกอาจกินกระดูกสันหลังทำให้ปวดกระดูก หรืออาจกดทับเส้นประสาททำให้ปวดร้าวไปที่ขา ขาชา หรืออ่อนแรง มักมีอาการขณะนอน เมื่อยืนและเดินจะดีขึ้น หากติดเชื้อที่กระดูกสันหลัง จะทำให้มีอาการปวดหลังและอาจปวดร้าวไปที่ขาหรือขาอ่อนแรง

การปวดหลังมักเกิดจากกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้ออักเสบ ข้อต่อ หมอนรองกระดูก ตัวกระดูก หรือเส้นประสาทมีความผิดปกติ แต่ถ้าปวดหลังร่วมกับอาการชาบริเวณเท้า นิ้วเท้าอ่อนแรงกระดกไม่ขึ้น มีไข้สูง น้ำหนักลด ปัสสาวะขุ่น ปวดหลังแล้วมีอาการผิดรูปร่าง กระดูกสันหลังโก่งงอ อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนอันตราย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาที่ถูกต้องต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *