น้ำตาเทียม (artificial tears) เป็นสารสังเคราะห์ที่ถูกผลิตขึ้นให้คุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติมากที่สุด น้ำตาเทียมที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อ โดยทั่วไปจะใช้ในการหล่อลื่นดวงตา เพื่อบรรเทาอาการระคายเคือง ตาแห้ง แสบตา ที่เกิดขึ้นชั่วคราวอันเนื่องมาจากการสัมผัสกับแสงแดด ลม หรือสิ่งระคายเคืองต่างๆ เช่น ฝุ่นละอองเขม่า ควัน เครื่องปรับอากาศ
ผู้ที่ควรต้องใช้น้ำตาเทียม เช่น…
- กลุ่มคนที่มีปัญหาน้ำหล่อลื่นเลี้ยงลูกตาแห้ง โดยทั่วไปมักพบในผู้สูงอายุที่ต่อมน้ำตาทำงานลดลงตามอายุ
- อีกกลุ่มคือที่มักมีปัญหาตาแห้ง อาทิ คนที่ทำงานกลางแดด ถูกลมพัดมาก หรือ ทำงานในอากาศร้อนและแห้ง ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ผู้ใช้คอนแทคเลนส์ ซึ่งจะทำให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาระเหยออกไปมากกว่าปกติ
ปัจจุบันมีน้ำตาเทียมหลายยี่ห้อ แต่เราสามารถจำแนกน้ำตาเทียมง่ายๆ ได้เป็น 2 ประเภท ตามการใส่สารกันเสีย “น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย และที่ไม่มีสารกันเสีย” น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสียจะมีขวดใหญ่ สามารถใช้ได้นานประมาณ 1 เดือนหลังเปิดขวด แต่น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสียจะเป็นหลอดเล็กๆ หลอดละ 0.3 ถึง 0.9 ซีซี เมื่อเปิดแล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง การใช้น้ำตาเทียม เพื่อช่วยหล่อลื่น และให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงต่อดวงตาแต่อย่างไร สามารถใช้ได้บ่อยครั้งตามต้องการ
วิธีการใช้น้ำตาเทียมที่ถูกต้อง
- ล้างมือให้สะอาด
- แหงนหน้าขึ้น ใช้มือข้างหนึ่งดึงหนังตาล่างเบาๆ ลงมาเป็นกระเปาะหรือกระพุ้ง
- เหลือบตามองขึ้นข้างบน
- หยอดน้ำตาเทียม 1-2 หยด ด้วยมืออีกข้าง ลงในเบ้าตาอย่างระมัดระวังไม่ให้ปลายหลอดหยดสัมผัสกับส่วนใดส่วนหนึ่งของดวงตาเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์เข้าไปเจริญเติบโตในยา
- หลับตา กรอกตาไปมา ห้ามกระพริบตาชั่วครู่
- เช็ดยาส่วนเกินที่หยดออกมานอกดวงตาด้วยกระดาษชำระหรือผ้าที่สะอาด
- ล้างมือหลังหยอดตาให้สะอาด และที่สำคัญห้ามใช้น้ำตาเทียมร่วมกับผู้อื่น เพราะหากเจ้าของยามีการติดเชื้อคุณอาจได้รับเชื้อนั้นด้วย