“อารมณ์” เป็นเรื่องที่เรารู้กันดีว่ามันคืออะไร แต่น้อยครั้งที่เราจะสามารถควบคุมมันได้ตามต้องการ และบางครั้งเจ้าอารมณ์ทั้งหลายก็ไหลออกมาโดยที่เราไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดังนั้น เรามาลองทำความรู้จักมันเพื่อรู้จักตัวเองมากขึ้น และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพมาขึ้นกันดีกว่า
ศาสตราจารย์แดชเชอร์ เคลท์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ สหรัฐอเมริกา อธิบายว่าแนวคิดอารมณ์หลักจากทฤษฎีอารมณ์พื้นฐาน (BASIC Emotions) ทั้ง 5 ประเภท ได้แก่ อารมณ์สุขใจ เศร้าใจ โกรธ กลัว และรังเกียจ ของ พอล เอกแมน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงระดับโลกและติดอันดับ 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดจากการจัดอันดับของนิตยสาร ไทม์ เมื่อปี ค. ศ 2009
นายแพทย์ธันวรุจน์ บูรณสุขสกุล จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็ก วัยรุ่นและครอบครัวประจำสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ อธิบายลักษณะอารมณ์ทั้ง 5และพฤติกรรมที่สังเกตได้ ดังนี้
1.สุขใจ (Joy)
เป็นอารมณ์บวกเกิดจากความรู้สึกพึงพอใจที่ได้ทำตามสิ่งที่ต้องการ เช่นได้กินอาหารที่ชอบได้ไปช็อปปิ้งซื้อสินค้าที่ชอบ หรือมีความรัก โดยมีปฎิกิริยาที่แสดงออกทางกาย คือ ยิ้มหน้าบาน รู้สึกสดชื่นมีพลัง กระโดดโลดเต้น
2.เศร้าใจ (Sadness)
เป็นอารมณ์ที่เกิดจากความรู้สึกผิดหวังกับตนเอง ซึ่งแสดงออกเป็นพฤติกรรม เช่นหดหู่ รู้สึกไร้ค่าสิ้นหวัง โดยมีปฎิกิริยาทางกาย เช่น หมดเรี่ยวแรงอ่อนล้าไม่อยากกินอาหาร ร้องไห้ เป็นต้น
3.โกรธ (Anger)
เป็นอารมณ์ที่เกิดจากความรู้สึกขัดใจไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งแสดงออกเป็นพฤติกรรมเช่น พูดจาหยาบคาย ทำร้ายร่างกาย ทำลายข้าวของ โดยมีปฎิกิริยาทางกาย คือ หน้าแดง หายใจติดขัดเสียงดัง
4.กลัว (Fear)
เป็นอารมณ์ที่เกิดจากความรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคามหรือสู้ไม่ได้ ซึ่งแสดงออกด้วยการถอยหนีไม่มองหน้า หลีกเลี่ยงการมีปฎิสัมพันธ์ เป็นต้น โดยมีปฎิกิริยาทางกาย คือ ตัวเกร็ง มือเย็น ใจสั่น
5.รังเกียจ (Disgust)
เป็นอารมณ์ที่เกิดจากความรู้สึกอึดอัดใจ แต่ไม่ใช่รู้สึกถูกคุกคาม เช่นการไม่ชอบกินผักเขียว ซึ่งแสดงออกเป็นพฤติกรรม เช่น เบือนหน้าหนีไม่มองหน้า ไม่พูดถึง รู้สึกพะอืดพะอม มวนท้อง