6 ข้อดี “เลี้ยงสุนัข” ที่คุณอาจคิดไม่ถึง!

0

ถึงแม้จะพูดไม่ได้แต่สัญชาติญาณของการสื่อสารได้อย่างรู้ความโดยเฉพาะบางตัวคุณจะคิดเลี้ยงสุนัขลองชั่งใจดูสักนิดถึงข้อดีที่เข้ามาในชีวิตด้วย

ช่วยสืบหามะเร็ง

รู้มั้ยว่าการดมกลิ่นหรือทำจมูกฟุตฟิตของสุนัขนั้นช่วยในการตรวจหามะเร็งได้จากผลการศึกษาที่ตีพิมในวารสาร The Lancet Journals เมื่อปี 1989 ผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งเล่าว่าสุนัขที่ลี้ยงไว้มักชอบดมและทำจมูกฟุตฟิตบริเวณขาของเธออยู่บ่อยๆ และพยายามใช้จมูกดุนไปมา

จนเมื่อไปตรวจร่างกายจึงพบว่ามีเนื้อร้ายอยู่ในตัว!

นอกจากนี้ความสามารถในการดมกลิ่นของเจ้าตูบนั้นยังช่วยสืบหามะเร็งชนิดต่างๆได้ทั้งมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมลูกหมากรวมถึงเซลล์มะเร็ง โดยล่าสุดนักวิจัยในอเมริกาเสนอผลทดลองที่ได้นำสุนัขพันธ์เยอรมันซัพเพิร์ดชื่อแฟรงกี้ มาฝึกให้สามารถดมกลิ่นและแยกแยะเซลล์มะเร็งจากกลิ่นปัสสาวะของผู้ปวยซึ่งพบว่าเจ้าแฟรงกี้สามารถแยกผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งธัยรอยด์ได้ถูกต้องถึง 89%

dogs (2)

กระตุ้นความกระฉับกระเฉง

ตามธรรมชาติของสุนัขมักมีพฤติกรรมแอ็กทีฟและชอบกิจกรรมที่ใช้พลังผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารสุฃศาสตร์อเมริกันเมื่อปี 2010 พบว่าเด็กๆ ที่เลี้ยงสุนัขมีความกระฉับกระเฉงมากกว่าเด็กที่ไม่ได้เลี้ยงซึ่งผลวิจัยนี้ยังขยายผลไปสู่ผู้ใหญ่ที่เลี้ยงอีกด้วยเฉกเช่นนักวิจัยชาวแคนาดาแห่งมหาวิทยาลัยวิกตอเรียรายงานว่าเจ้าของสุนัขมีแนวโน้มที่จะออกกำลังกายมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เลี้ยงโดยวัดจากการเดินเฉลี่ย 300 นาทีต่อสัปดาห์เทียบกับคนที่ไม่เลี้ยงซึ่งมีความถี่ในการเดินเพียง 168 นาทีต่อสัปดาห์

ช่วยเยียวยาสภาพจิตใจ

สุนัขช่วยลดอาการซึมเศร้าหรือวันที่โลกหม่นหมองเพราะความรักของสุนัขไม่มีเงื่อนไขชีวิตของเขามอบให้กับเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวไม่ว่าจะดึกแค่ไหนเจ้าตูบมักจะรอคอยการกลับมาของเจ้าของและกระโดดโลดเต้นราวกับไม่ได้เจอนายของมันแรมปี สุนัขสามารถเป็นเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ที่อยู่เคียงข้างเจ้าของไม่ให้โดดเดี่ยวเดียวดายความน่ารักของสุนัขช่วยเยียวยาจิตใจบรรเทาความเหงาและสร้างอารมณ์สดใสให้กับผู้คนโดยเฉพาะผู้ป่วยและผู้สูงอายุ

dogs (4)

ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากการเจ็บป่วย

ในต่างประเทศมีโปรแกรมพาสุนัขไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาลและศูนย์ฟื้นฟูสมรรถ ภาพโดยสุนัขบำบัดเคลื่อนที่นี้จะช่วยให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น รวมทั้งกระตุ้นการเข้าสังคมระหว่างผู้ป่วยด้วยกัน ซึ่งจากวารสารทางการแพทย์จากอังกฤษที่ตีพิมในปี 2005 ระบุว่าสุนัขเป็นตัวกระตุ้นแบะชักจูงให้คนเข่าสังคมได้ดีทั้งยังบรรเทาความรู้สึกโดดเดี่ยวโดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัขไว้เป็นเพื่อนยังสามารถเผชิญหน้ากับสถานการ์ณภายใต้ความเครียดได้ดีและไม่ค่อยวิตกกังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยอีกด้วย

ลดความเสี่ยงการเป็นภูมิแพ้

หลายคนมักเข่าใจว่าการเลี้ยงสุนัขจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้หรือโรคผิวหนัง แต่งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารเด็กเมื่อปี2011 ชี้ให้เห็นว่าเด็กอายุก่อน 4 ขวบที่ครอบครัวเลี้ยงสุนัขนั้นมีแนวโน้มที่ป่วยด้วยโรคผิวหนังน้อยมาก นอกจากนี้ภูมิคุ้มกันของเด็กๆ ที่ร่วมชายคาเดียวกับสุนัขก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย เช่นภูมิคุ้มกันโรคหอบหืด โรคเรื้อนและโรคภูมิแพ้อากาศ

dogs (3)

จากความเข้าใจที่ว่าโรคภูมิแพ้เกิดจากขนสุนัขอันที่จรืงแล้วสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ตือโปรตีนที่อยู่ตามผิวหนังกับนำลายของสุนัขส่วนสาเหตุที่เรามักคิดว่าขนสุนัขเป็นตัวก่อเหตุนั้นเนื่องจากเมื่อสุนัขเลียทำให้นำลายไปติดที่ขนแต่หากเจ้าของรักษาความสะอาดอย่างสมำเสมอแล้วโอกาสที่จะเกิดภูมิแพ้ก็มีได้น้อยมาก

ช่วยบอกได้ถึงระดับความดันเลือดต่ำ

สุนัขบางตัวที่ถูกฝึกมาอย่างดีจะสามารถตรวจหาระดับนำตาลในเลือดได้ยืนยันได้จากบทความที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2000 ในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษพบว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของสุนัขที่อาศัยกับผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงซึ่งแม้แต่ตัวผู้ป่วยเองก็ยังสงสัยต่อเรื่องนี้โดยสองกรณีศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารระบุว่าสุนัขไม่เพียงแต่จะสืบหาระดับกลูโคสที่ตำลงของเจ้าของได้เท่านั้นแต่พวกมันยังช่วยห้ามไม่ให้เจ้าของกินของหวานๆได้อีกด้วยปัจจุบันในอังกฤษได้มีการฝึกสุนัขให้เป็นผู้ช่วยทางการแพทย์โดยสามารถตรวจหาระดับนำตาลในเลือดเพื่อช่วยผู้ป่วยเบาหวานซึ่งพันธ์ที่นิยมนำมาฝึกนั้นได้แก้ สแปเนียล, ลาบราดอร์ ,และยอร์กเชียร์เทอร์เรียร์

dogs (1)

แม้หลายคนจะกลัวว่าน้องหมาในบ้านอาจมีแบคทีเรียแต่มีการศึกษาหลายตัวพบว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงร่วมกันกับน้องหมามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหอบหืดและภูมิแพ้ต่ำกว่าบ้านที่ไม่ได้เลี้ยงรู้อย่างนี้แล้วพ่อแม่หายกังวลได้เลย!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *