ยิ่งนานวันก็ยิ่งเพิ่มพูน หากจะกล่าวว่าประโยคนี้แสดงถึงสถานการณ์ปัจจุบันของปัญหา “โรคอ้วน” ในบ้านเราก็คงจะไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงนัก
จากสถิติการเพิ่มจำนวนของประชากรไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2551-2555 นั้น พบว่า“โรคอ้วน” ได้กลายมาเป็นปัญหาหนึ่งในกลุ่มคนทำงานอายุระหว่าง 20-29 ปี โดยมีอัตราเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 36 ในกลุ่มผู้ชาย และร้อยละ 47 ในกลุ่มผู้หญิง
“โรคอ้วน”
หมายถึง ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันในส่วนต่างๆของร่างกายเกินปกติ จนเป็นปัจจัยเสี่ยง หรือ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆที่ส่งผลถึงสุขภาพ จนอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้โดยเมื่อมีค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index เรียกย่อว่า BMI) ตั้งแต่ 30ขึ้นไป เรียกว่าเป็นโรคอ้วน
ที่น่ากลัวก็คือ โรคอ้วน เป็นทั้งปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุสำคัญของโรคเรื้อรังต่างๆ ที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพ และเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงมาก แต่อัตราเสียชีวิตก็ยังคงสูงต่อเนื่อง โดยโรคที่มีโรคอ้วน เป็นปัจจัยเสี่ยงหรือเป็นสาเหตุ ได้แก่…
- ไขมันในเลือดสูง
- ความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- โรคเบาหวาน
- โรคข้อกระดูกเสื่อม
- โรคระบบทางเดินหายใจ
- โรคมะเร็งบางชนิด
- โรคนิ่วในถุงน้ำดี
- โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ
- นอกจากนี้ความไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองเมื่อเป็นโรคอ้วนอาจส่งผลให้เป็นโรคซึมเศร้าได้
ปัญหาเรื่องโรคอ้วนของคนไทยที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันนั้น ขึ้นอยู่กับวิถีการดำเนินชีวิตของแต่คน ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในเรื่องของการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายอาจเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆคน
ดังนั้นการให้ความรู้ความเข้าใจในเกี่ยวกับผลกระทบของวิถีการดำเนินชีวิตที่มีต่อสุขภาพและแนวทางการแก้ปัญหาทางสุขภาพอาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องน้ำหนักและสุขภาพของตัวเองได้มากขึ้น
สำหรับการรักษาโรคอ้วนในระยะสั้นนั้นที่นิยมกันมีให้เลือกหลายอย่าง อาทิ การผ่าตัดศัลยกรรม การดูดไขมัน และการลดน้ำหนักแบบหักโหม อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงวิธีที่สามารถช่วยแก้ปัญหาโรคอ้วนได้ในระยะสั้นเท่านั้น ทั้งนี้การเข้าใจถึงสาเหตุของความอ้วนหรือโรคอ้วน ตลอดจนระบบการเผาผลาญและการทำงานของร่างกายอย่างถ่องแท้นั้น จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาโรคอ้วนได้ในระยะยาวและมีผลกระทบน้อยที่สุดต่อร่างกาย