“ไข้หวัดใหญ่” ได้ชื่อว่าเป็นโรคติดต่อทางระบบหายใจยอดฮิตที่มักแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในช่วงฤดูฝน แม้จะเป็นโรคคุ้นหูกันมานานนม แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้ว่าความแตกต่างระหว่าง “ไข้หวัดใหญ่” กับ “ไข้หวัดธรรมดา” ว่าแล้วก็ไปตามล่าหาคำตอบกันเถอะ
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลัน เชื้อต้นเหตุเป็นไวรัสที่เรียกว่า influenza virus หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิดคือ influenza A และ B ส่วนไวรัส influenza อีกชนิดหนึ่งคือ influenza C นั้นเนื่องจากมีความรุนแรงน้อยและไม่มีความสำคัญในการแพร่ระบาดจึงอาจจะไม่นับอยู่ในกลุ่มของโรคไข้หวัดใหญ่
ไวรัสไข้หวัดใหญ่นั้นติดเชื้อในเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนบนคือจมูกและคอและอาจลงไปถึงส่วนล่างอันได้แก่หลอดลมและปอดด้วย ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะมีไข้ ปวดศรีษะ เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอแห้งๆ คัดจมูกน้ำมูกไหล อาการต่างๆเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และอยู่นาน 6-10 วัน
ส่วนไข้หวัดหรือไข้หวัดธรรมดา (Common cold)
จะมีอาการคล้ายๆไข้หวัดใหญ่ แต่ข้อแตกต่างก็คือไข้หวัดธรรมดามักมีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล ไอจาม คันคอ เป็นอาการเด่น และไม่ค่อยมีอาการไข้ และปวดกล้ามเนื้อ
ความสำคัญที่จะต้องแยกไข้หวัดใหญ่ออกจากไข้หวัดธรรมดานั้นเนื่องจากไข้หวัดใหญ่จะมีภาวะแทรกซ้อนได้บ่อยกว่า และโดยทั่วไปอาการจะรุนแรงและยาวนานกว่าไข้หวัดธรรมดา
ไข้หวัดธรรมดานั้นโดยทั่วไปมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้น้อยมาก แต่ไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอาจเกิดภาวะแทกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิตได้เช่นปอดบวม ดังนั้นหากสามารถแยกไข้หวัดใหญ่ออกจากไข้หวัดธรรมดาได้ก็จะช่วยให้ดูแลผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงได้ดีขึ้น
ไข้หวัดใหญ่จะพบมากทุกอายุโดยเฉพาะในเด็กจะพบมากเป็นพิเศษ แต่อัตราการเสียชีวิตมักจะพบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ โรคไต หอบหืด เบาหวาน เป็นต้น การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการได้แก่ยาบรรเทาปวดลดไข้ ยาแก้ไอ ถึงแม้มียาที่กดการเพิ่มจำนวนของไวรัสได้โดยตรง แต่ยานี้ไม่มีใช้ทั่วไป และในกรณีส่วนใหญ่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ยาจะมีความสำคัญเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรงเช่นการติดเชื้อในผู้สูงอายุ ยาดังกล่าวนี้มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ Amantadine และ Rimantadineแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด