แค่ได้ยินก็ผวา..มาเข้าใจ “โรคเริม” ให้ถูกต้องเถอะ!!

0

“โรคเริม”

เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อ “เฮอร์ปีส์” (Herpes simplex)ซึ่งเชื้อไวรัสตัวนี้มีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิด 1 (HSV-1) ชนิดที่ทำให้เกิดแผลบริเวณริมฝีปาก รวมถึงผิวหนังเหนือสะดือขึ้นไปและชนิด 2 (HSV-2) ชนิดที่มักจะพบบริเวณอวัยวะเพศ โรคเริมเป็นโรคติดต่อพบได้ในทุกวัย แต่พบได้บ่อยกว่าในวัยหนุ่มสาวและในวัยผู้ใหญ่

herpes-simplex

การติดเชื้อครั้งแรกเป็นยังไง?

มักมีไข้ ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงมีการอักเสบ เช่น ถ้าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบจะอักเสบ ถ้าเป็นเริมที่ริมฝีปาก ต่อมน้ำเหลืองที่คอจะอักเสบ ลักษณะจะเป็นตุ่มน้ำขนาดเล็ก พองใส มีขอบแดง มักขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม ตุ่มน้ำนี้จะแตกเป็นแผลถลอกตื้นๆ และหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ส่วนใหญ่เมื่อติดเชื้อเริมมักไม่มีอาการอะไร แต่เชื้อจะอยู่ในตัวตลอดชีวิต ในปมประสาท รอจนเมื่อถูกกระตุ้นหรือร่างกายอ่อนแอลงจึงแสดงอาการอีกครั้ง

เชื้อไวรัส “เฮอร์ปีส์” สามารถติดต่อได้ด้วยการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มแผลที่เป็นโรค จากน้ำ จากตุ่มพอง จากน้ำลาย จากสารคัดหลั่ง จากเมื่อใช้ของใช้ร่วมกัน การจูบ การกินโดยเชื้อจะแทรกเข้าทางเยื่อบุหรือผิวหนังที่ถลอกเป็นแผล ฉะนั้นผู้ที่เป็นโรคเริมควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตุ่มน้ำหรือเพื่อป้องกันการติดต่อไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่คับแน่นหรือพอดีตัวเพื่อป้องกันการเสียดสีและอาการตุ่มแผลลุกลาม

เมื่อมีแผลเริมที่ริมฝีปาก ไม่ควรจูบ ควรงดมีเพศสัมพันธ์ ตั้งแต่เริ่มมีอาการคันจนกระทั่งแผลหายรวมถึงหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เป็นโรคเริมซ้ำซึ่งได้แก่…

  • ความเครียด
  • ความเจ็บไข้ได้ป่วย
  • การทำงานหนักเกินไป
  • การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • แสงแดดที่มากหรือการอาบแดด
  • รอยถลอกขีดข่วน
  • การผ่าตัดที่กระทบกระเทือนต่อเส้นประสาท

แม้ปัจจุบันยังไม่มีรักษาโรคเริมให้หายขาดได้ แต่เราสามารถป้องกันตัวให้ห่างไกลจากโรคเริมโดย…

  • พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
  • รักษาความสะอาดของร่างกาย
  • ทำใจให้แจ่มใสไม่เครียด
  • ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
  • สวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการจูบเมื่อมีตุ่มใสขึ้นบริเวณปาก รวมถึงควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่สงสัยหรือกำลังป่วยเป็นโรคเริม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *