เช็คซิ… คุณเข้าข่าย 5 กลุ่มเสี่ยง “โรคต้อหิน” หรือไม่?

0

โรคต้อหิน” เป็นโรคทางตาที่เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาตาบอดมากเป็นอันดับ 2 รองจากต้อกระจก ซึ่งต้อหินเกิดจากความดันภายในลูกตาสูงไปกดขั้วประสาทตา ทำให้ขั้วประสาทตาเสื่อมหรือฝ่อ เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยงและลานสายตาแคบลง พบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้มีอายุประมาณ 40-60 ปี

“โรคต้อหิน”

เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างของมุมตาแต่กำเนิด การกระทบกระเทือนต่อลูกตาจากสาเหตุภายนอก หรือเกิดจากการอักเสบภายในลูกตาต้อหินเป็นโรคทางตาที่มีอันตรายมากที่สุด เพราะทำให้ตาบอดถาวรได้

เนื่องจากขั้วประสาทตาที่เสื่อมหรือฝ่อแล้วไม่สามารถทำการรักษาให้ดีเหมือนเดิมได้การรักษาโรคต้อหินเช่น ใช้ยาหยอดตา รับประทานยา ยิงแสงเลเซอร์ ผ่าตัด เป็นเพียงการระงับไม่ให้ประสาทตาถูกทำลายไปมากกว่าเดิม ไม่สามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้งเหมือนการรักษาต้อกระจก

Doctor Looking Through Eye Exam Machine

“ต้อหิน” มี 2 ประเภท คือ…

1. ต้อหินชนิดมุมปิด

หรือชนิดเฉียบพลันเกิดจากมีการขัดขวางการไหลเวียนของน้ำในลูกตาที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน จะมองเห็นสีรุ้งรอบดวงไฟ จะปวดตามาก ตาแดง ปวดศีรษะด้านตาข้างที่เป็น ลืมตาไม่ขึ้น บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ผู้ป่วยควรรีบมาพบแพทย์ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้เกิน 2-3 วัน อาจตาบอดได้

2. ต้อหินชนิดมุมเปิด

เกิดจากการสร้างน้ำในตาไม่ปกติหรือรูเปิดระบายน้ำออกผิดปกติ ไม่มีอาการผิดปกติ ไม่เจ็บ ไม่ปวด เมื่อปล่อยไว้นาน ๆ ผู้ป่วยจะมีลานสายตาแคบลงมองด้านข้างไม่เห็น มักเดินชนของ จึงเริ่มมาพบแพทย์เมื่อเป็นมากแล้ว

5 กลุ่มเสี่ยงโรคต้อหิน

  1. ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน
  2. ผู้มีสายตาสั้นหรือยาวมาก
  3. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  4. ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับเลือดและหลอดเลือด
  5. ผู้ที่ใช้ยาหยอดตาพวกสเตียรอยด์

เพื่อป้องกันโรคต้อหิน แนะนำผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหาเวลาเข้ารับการตรวจวัดความดันลูกตาและขั้วประสาทตาบ้าง และอาจตรวจซ้ำๆ ทุกๆ 1-5 ปี เพื่อไม่ให้ประสาทตาเสื่อมมากขึ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *