“ต้อหิน” ลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ถ้าไม่ระวัง!!

0

โรคต้อหินเป็นโรคของดวงตาที่พบบ่อย และมีอันตรายอย่างมากถึงขั้นตาบอดสนิท ถ้าไม่รักษา หรือรักษาไม่สม่ำเสมอ จะทำให้ลานสายตาหรือความกว้างของการมองเห็นแคบเข้า จนกระทั่งสูญเสียการมองเห็นไปทั้งหมดได้ ซึ่งการสูญเสียการมองเห็นจากโรคต้อหินนั้น เป็นการสูญเสียถาวรไม่สามารถแก้ไขให้คืนมาได้

ต้อหิน (Glaucoma) เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคต้อ ที่พบบ่อยๆ มีต้อกระจก ต้อเนื้อ ต้อลม และต้อหิน แต่ต้อหินเป็นต้อเพียงชนิดที่ไม่มีตัวต้อให้เห็น เพราะ…

ต้อหินเป็นกลุ่มโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงถูกทำลายของขั้วประสาทตา ซึ่งเป็นตัวนำกระแสการมองเห็นไปสู่สมอง ซึ่งเมื่อขั้วประสาทตาถูกทำลายจะมีผลทำให้สูญเสียลานสายตา เมื่อเป็นมากๆ ก็สูญเสียการมองเห็นในที่สุด และเป็นการสูญเสียแบบถาวร โดยอาการที่พบสำคัญมีแทบในทุกรายก็คือ มีความดันในลูกตาเพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้ขั้วประสาทตาถูกทำลายได้ง่าย

A businessman struggling, Side View

A businessman struggling, Side View

สาเหตุส่วนใหญ่ของโรคต้อหินจะเกิดจากการเสื่อมของร่างกายเอง โรคต้อหินเป็นกลุ่มโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงทำลายของขั้วประสาทตา ไม่มีสาเหตุปัจจัยภายนอก หรือพบร่วมกับโรคทางตาอื่นๆ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด และเป็นปัจจัยอย่างเดียวที่ควบคุมเปลี่ยนแปลงได้ก็คือ ความดันในลูกตาที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะเพิ่มสูงขึ้นเองตามธรรมชาติ เนื่องจากความเสื่อมข้างในลูกตาหรือเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากยาที่ใช้ อุบัติเหตุหรือการผ่าตัด

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคต้อหิน คือ อายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยชรา มีประวัติต้อหินในครอบครัว เคยมีอุบัติเหตุที่ตา หรือเคยได้รับการผ่าตัดตา มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมทั้งผู้ที่มีกระจกตาบางกว่าปกติ สามารถพบผู้ป่วยโรคนี้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งกลุ่มที่พบมากที่สุดคือผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป รวมทั้งผู้ที่มีญาติใกล้ชิดเป็นต้อหิน และผู้ที่มีระดับความดันตาค่อนข้างสูงโดยเฉพาะสูงมากกว่า 21 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป นอกจากนี้ คนที่สายตาสั้น หรือยาวมากๆ ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหิน

 

โรคต้อหินเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาตาบอดหรือสายตาพิการอย่างถาวร หากเป็นแล้วจะรักษาให้เหมือนปกติไม่ได้ อาการของโรคต้อหินในระยะแรกจะไม่มีอาการใดๆ ต่อมาเมื่อประสาทตาถูกทำลายไปมากกว่า 40% ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการสูญเสียการมองเห็นโดยลานสายตาจะแคบลงเรื่อยๆ และถ้าไม่ได้รับการรักษาประสาทตาก็จะสูญเสียไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งมองไม่เห็นในที่สุด

ฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคต้อหินกลุ่มผู้มีความเสี่ยงทั้งหลายควรได้รับการตรวจคัดกรองความดันลูกตาและตรวจขั้วประสาทตา อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และอาจตรวจซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ หากเกิดความผิดปกติกับดวงตาจะได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็วและสามารถใช้งานดวงตาได้ยาวนานมากขึ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *