กำลังเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจในแวดวงสุขภาพ กับกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ ได้ออกแคมเปญผ่านเว็บไซต์ Change.org “คนไข้ประกันสังคมวอนขอชีวิต หลังพบเป็นมะเร็งเม็ดเลือดระยะที่ 3” เพื่อร้องเรียนต่อสำนักงานประกันสังคม ขออนุมัติให้ใช้ยารักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย
เพื่อให้เข้าใจและอินกับเรื่องราวประเด็นนี้ได้มากขึ้น เรามาทำความรู้จัก “มะเร็งมัยอีลอยด์” หรือชื่อเต็มสุดยาวเหยียดว่า “โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์” กันค่ะ
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์
หรือ Chronic myeloid leukemia : CML เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวกลุ่มมัยอีโลจีนัส ชนิดเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากมีการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดมัยอีลอยด์ในไขกระดูกมากผิดปกติ โรคนี้ส่วนใหญ่พบในผู้ใหญ่ อายุเฉลี่ย คือ 38-42 ปี สำหรับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคนี้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มปัจจัย คือ ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ และปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม
ศ.พญ.แสงสุรีย์ จูฑา ประธานชมรมโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ (Chronic myeloid leukemia : CML) แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ…
- ระยะแรกหรือระยะเรื้อรัง
- ระยะสองหรือระยะลุกลาม
- ระยะสามหรือระยะเฉียบพลัน ซึ่งถือเป็นระยะสุดท้ายแล้ว
ทั้งนี้ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยาอิมาตินิบจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะระยะแรกที่จะต้องได้รับยาวันละ 400 มิลลิกรัม (มก.) ซึ่งหากได้รับยาอย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ แม้จะไม่หายขาด แต่ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเช่นคนทั่วไป เปรียบเสมือนเป็นโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนระยะที่สองและระยะสุดท้าย จะต้องได้รับยาวันละ 600 – 800 มก. แล้วแต่สภาพของผู้ป่วย โดยพบว่า ระยะที่สองเมื่อได้รับยาอย่างต่อเนื่อง บางคนป่วยมากว่า 5-6 ปีแล้ว ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ ส่วนระยะสุดท้ายก็สามารถยืดระยะเวลาการมีชีวิตออกไปได้ช่วงหนึ่งเช่นกัน
ฉะนั้น นอกจากการรีบไปพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อรีบวินิจฉัยและรักษาแล้ว สิ่งสำคัญคือ การตอบสนองต่อยาในการรักษาควบคุมโรคในระยะเรื้อรัง ถ้าควบคุมโรคในระยะนี้ได้ดี โอกาสรอดชีวิตจะสูงขึ้นค่ะ