รู้จัก “เนื้องอกในสมอง” โรคร้ายที่พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย

0

ฟังดูเหมือนเป็นโรคไกลตัว แท้จริงแล้ว “เนื้องอกในสมอง” ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเอง แต่บางรายพบความผิดปกติจากพันธุกรรม โดยพบเนื้องอกที่เป็นเนื้อธรรมดาได้บ่อยกว่าเนื้องอกที่เป็นเซลล์มะเร็ง เพื่อป้องกันตัวก่อนยากจะรักษา เรามารู้จักโรคนี้กัน

 

เนื้องอกในสมอง คือ เนื้อที่เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์ในสมองหรือบริเวณเนื้อเยื่อและต่อมต่าง ๆ บริเวณใกล้เคียงกับสมองไปรบกวนระบบประสาทและการทำงานของสมอง ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน มีปัญหาด้านพฤติกรรม บุคลิกภาพ การพูด การได้ยิน การมองเห็น ความจำ และอาจชัก เป็นอัมพาตครึ่งซีก

 

60

 

เนื้องอกในสมองมี 4 ระดับ โดยวัดตามลำดับการเจริญเติบโตของเนื้องอกและโอกาสในการกลับมาเป็นอีก แม้ได้รับการรักษาแล้ว แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ

  1. เนื้องอกที่เป็นเนื้อธรรมดา เป็นเนื้องอกที่มีการเจริญเติบโตช้า ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง สามารถรักษาให้หายหรือมีขนาดเล็กลงได้ และมีโอกาสน้อยที่ผู้ป่วยจะกลับมาเป็นอีกหลังการรักษา
  2. เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย เป็นเนื้องอกอันตราย มีการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์มะเร็ง อาจเกิดบริเวณสมอง หรือเกิดขึ้นที่อวัยวะอื่นแล้วลามเข้าสู่สมอง เนื้องอกที่เป็นเซลล์มะเร็งจะมีการเจริญเติบโตเรื่อย ๆ ไม่สามารถควบคุมได้ และมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นได้อีก

 

สาเหตุของเนื้องอกในสมอง เกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมในเซลล์สมอง หรือการกลายพันธุ์ของเซลล์ ทำให้เซลล์มีการแบ่งตัวและเจริญเติบโตในอัตราที่ผิดปกติ เนื้อเยื่อที่เกิดจากเซลล์ผิดปกตินี้จึงก่อตัวเป็นเนื้องอกบริเวณสมอง สร้างความเสียหายแก่สมองและระบบประสาท หรืออาจเกิดจากมีเซลล์มะเร็งที่อื่นแล้วลามเข้าสู่สมองทางกระแสเลือด

 

แม้ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการที่เฉพาะเจาะจงในการป้องกันไม่ให้เกิดเนื้องอกในสมอง แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเนื้องอกในสมอง ได้แก่ อายุ การได้รับรังสีอันตรายเข้าสู่ร่างกาย ประวัติบุคคลในครอบครัวที่เคยมีเนื้องอกในสมอง ปัจจุบันแนวทางการรักษาเนื้องอกในสมองมีอยู่ 3 วิธี คือ การผ่าตัด ฉายรังสี และการให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งแพทย์จะเลือกแนวทางรักษาจากอาการของผู้ป่วย ตำแหน่งของเนื้องอก และขนาดของเนื้องอก

 

หากผู้ป่วยมีเนื้องอกที่ไม่ได้ทำให้เกิดอาการและมีขนาดเล็กมาก อยู่ในตำแหน่งของสมองที่ไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียการทำงานของร่างกาย อาจเพียงแค่ติดตามอาการเพื่อดูว่ามีการขยายตัวของเนื้องอกเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจึงค่อยทำการรักษา แต่ถ้าเนื้องอกมีขนาดใหญ่พอสมควรและทำให้เกิดอาการ เช่น อ่อนแรงหรือปวดศีรษะมาก จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเนื้องอกออก ในกรณีที่ผ่าตัดเนื้องอกออกไปแล้ว พบว่าเป็นเนื้อร้ายอาจต้องทำการฉายรังสีหรือให้ยาเคมีบำบัดร่วมด้วย

 

ดังนั้น หากมีสัญญาณอันตรายที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น ปวดศีรษะเรื้อรังที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาการอ่อนแรงที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย อาการชัก ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ และรักษาอย่างทันท่วงที

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *