ผู้สูงอายุเป็นวัยแห่งความเสื่อมถอยของร่างกาย ฉะนั้นจึงต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพมากเป็นพิเศษ โดยหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่มักพบในวัยนี้ คือ ภาวะกระดูกหัก ซึ่งปัญหากระดูกหักในผู้สูงอายุ หลักๆมีอยู่ 3 ที่ คือ ข้อมือ สันหลังและสะโพกโดยเราขอโฟกัสไปที่ส่วนสะโพก เนื่องจากมีผลกระทบต่อสุขภาพค่อนข้างรุนแรง
กระดูกสะโพกหักหมายถึงการหักของกระดูกต้นขาที่อยู่บริเวณสะโพกและโคนขาหนีบ เนื่องจากการหกล้ม สะโพกกระแทก โดยมักเกิดในผู้ป่วยที่มีปัญหากระดูกบางหรือกระดูกพรุน
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่…
- อายุ ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีโอกาสเกิดกระดูกสะโพกหักมากขึ้น
- เพศ พบกระดูกสะโพกหักในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนสูงกว่าในผู้ชาย
- มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น เบาหวาน เพราะส่งผลให้เกิดกระดูกพรุนได้ง่าย
- การขาดอาหาร
- ไม่ได้ออกกำลังกา
- สูบบุหรี่
- ดื่มสุรา รวมถึงการใช้ยาบางชนิดอย่างต่อเนื่อง เช่น ยาสเตียรอยด์เหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกิดกระดูกพรุนได้ง่าย
ผู้สูงอายุเมื่อหกล้ม แม้ไม่รุนแรง หากไม่สามารถลงน้ำหนักบนขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บ หรือขยับขาแล้วปวดสะโพกหรือโคนขาหนีบ ให้สงสัยไว้ได้เลยว่าอาจมีสะโพกหักจากนั้นให้เริ่มต้นด้วยการค่อยๆจับบริเวณข้อเท้าแล้วค่อยๆโยกขาไปมาเบาๆ ถ้าเจ็บห้ามทำต่อ ให้ตามรถพยาบาลมารับที่บ้านได้เลย ในกรณีที่ต้องนำส่งโรงพยาบาลเอง ให้หาแผ่นกระดานสอดใต้แผ่นหลังและขา พันธนาการให้สะโพกและขาอยู่นิ่งๆ แล้วนำส่งโรงพยาบาล
ที่น่าเป็นห่วงก็คือ เวลาผู้สูงอายุล้มมักจะไม่มาโรงพยาบาล เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องมารักษา ทั้งที่อาจนำไปสู่ภาวะกระดูกสะโพกหักนำไปสู่ปัญหาเรื่องการเดินได้ เมื่อผู้ป่วยเดินไม่ได้ก็มีโอกาสนอนติดเตียงสูง และเมื่อนอนติดเตียงก็จะมีภาวะแทรกซ้อนตามมาจำนวนมาก อาทิ การติดเชื้อ แผลกดทับ ปอดบวม ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ลำไส้ไม่ทำงาน ท้องผูก ซึ่งจะนำมาซึ่งภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลในอนาคต ฉะนั้นการได้รับรักษาอย่างทันท่วงทีจะช่วยแก้ปัญหาการนอนติดเตียงรวมถึงลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้
ฉะนั้น นอกจากการหาวิธีป้องกันภาวะกระดูกหักในกลุ่มผู้สูงอายุด้วยการดูแลสุขภาพ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงแล้ว ควรสังเกตอาการต่าง ๆ ของผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด หากเกิดปัญหาจะพาไปพบแพทย์ได้ทันท่วงที