อาการบวมระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติที่มีต่อปริมาณของเหลวในร่างกายที่เพิ่มขึ้น คุณแม่ส่วนใหญ่จะรู้สึกบวมที่บริเวณข้อเท้าและเท้าหากต้องยืนนานๆ บางคน แต่บางคนก็บวมตั้งแต่หน้ามือ ไปจนถึงขาและเท้าเลยทีเดียว ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นผลพวงจากการตั้งครรภ์จะเริ่มปรากฏอาการในช่วงเดือนที่ 3-4 และจะชัดเจนมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายคือ ตั้งแต่ช่วงเดือนที่ 7 เป็นต้นไป
ลักษณะทั่วไปของอาการบวม
- อาการบวมจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช่วงตอนกลางวันและบวมเพิ่มมากขึ้นในช่วงเย็น
- มักเกิดจากกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างวันของคุณแม่ เช่น ยืนเดินเป็นเวลานาน
- เกิดสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว
- อาการบวมระหว่างตั้งครรภ์โดยทั่วไปอาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัด แต่หากปราศจากอาการอื่นๆร่วมด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลและไม่เป็นอันตรายต่อคุณและลูกน้อย
วิธีการลดอาการบวมระหว่างตั้งครรภ์
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่เชื่อกันว่าสามารถลดบวมได้ เช่น กระเทียม หัวหอมสด และแอปเปิ้ลมีประสิทธิภาพดีเป็นพิเศษ และควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มซึ่งจะทำให้ขาดน้ำได้
- พยายามออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ การออกกำลังกายด้วยการเดิน
- ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละหกถึงแปดแก้ว หรือทานผักผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก หากคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ ร่างกายของคุณอาจพยายามกักเก็บน้ำไว้ในร่างกายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณยิ่งบวมขึ้น
- หาเวลาพักผ่อนระหว่างวัน โดยพาดเท้าไว้ให้สูงกว่าระดับเอว
- หลีกเลี่ยงการยืนหรือเดินเป็นระยะเวลานานๆ
- นวดแบบผ่อนคลาย
- นอนตะแคงซ้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการทิ้งน้ำหนักไปกดทับเส้นเลือดดำใหญ่ที่ชื่อว่าเวนาคาวา ( vena cava) ซึ่งอยู่ทางด้านขวาของร่างกาย
หากมีอาการบวมมากเกินไปอาจเป็นเพราะความดันเลือดสูงขึ้น ซึ่งคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตอาการดังต่อไปนี้ เพราะอาจส่งสัญญาณให้คุณแม่ต้องรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์โดยทันที
ลักษณะอาการบวมที่ควรปรึกษาแพทย์
- เกิดอาการบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น หน้าบวม ตัวบวม หรือข้อนิ้วบวมจนถอดแหวนออกไม่ได้อย่างรวดเร็ว
- น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
- มีอาการปัสสาวะน้อยลง
- ปวดศีรษะมาก หรือมีอาการตาพร่ามัว หรือ มองเห็นแสงเป็นจุดๆ
- รู้สึกจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่
หากคุณแม่ไม่แน่ใจว่าอาการที่เกิดขึ้นกับร่างกายจัดอยู่ในเกณฑ์ผิดปกติหรือไม่ อย่าลังเลที่จะรีบปรึกษาคุณหมอก่อนจะแก้ไขไม่ทันการณ์นะคะ