กีฬามวยไทยถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นการออกกำลังกาย และเป็นอาชีพ โดยปัจจุบันมีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เข้าสู่วงการมวยไทยตั้งแต่เล็กเป็นจำนวนมาก ที่น่ากลัวคือ การชกมวยในเด็กไม่เพียงเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ยังส่งผลเสียต่อสมอง และระบบประสาท รวมถึงเสี่ยงต่อโรค ทั้งอัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน
ศ.พญ.จิรพร เหล่าธรรมทัศน์ ประธานโครงการศูนย์รังสีวินิจฉัยก้าวหน้า (ไอแมค) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในงานประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 10 “ส่งเสริมกีฬามวยไทยเด็ก ยุติมวยเด็กหาเงิน สรุปความได้ว่า การชกมวยในเด็กเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ โดยเฉพาะการบาดเจ็บทางสมอง
การบาดเจ็บทางสมอง เกิดขึ้นได้ 2 รูปแบบ คือ ถูกชกที่ศีรษะโดยตรง และเกิดจากการที่ศีรษะและสมองถูกสะบัด หมุนด้วยแรงเหวี่ยงที่รวดเร็วอย่างกะทันหัน ทำให้สร้างบาดแผลให้กับเนื้อสมองโดยตรง เกิดการยืดหรือขาดของเส้นประสาท ถือเป็นการบาดเจ็บภายในทำให้หลายคนไม่รู้ตัวและเกิดการสะสมมากขึ้น
การบาดเจ็บของสมองจากการชกมวย จะทำให้การส่งสัญญาณของระบบประสาทติดขัด สมองไม่สามารถสั่งการได้ตามปกติ มีเลือดออกในสมองบริเวณที่ฉีกขาด เซลล์สมองตายและฝ่อลง ซึ่งไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนใหม่ได้ มีน้ำเข้ามาแทนที่เนื้อสมองทำให้สมองไม่สามารถโตขึ้นได้ และส่งผลระยะยาวต่อระบบประสาท ทั้งอัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน
จากการศึกษาวิจัยและติดตามกลุ่มนักมวยเด็ก จำนวน 300 คน แบ่งเป็นประสบการณ์ชกไม่เกิน 2 ปี 2-5 ปี และมากกว่า 5 ปี เปรียบเทียบกับเด็กทั่วไปจำนวน 200 คน ที่มีเศรษฐานะใกล้เคียงกัน พบว่า การชกมวยในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีผลต่อสมองของเด็กดังนี้
- มีเลือดออกในสมองจากการถูกชกหัว ทำให้มีธาตุเหล็กสะสมซึ่งเป็นสารพิษต่อเนื้อสมอง
- เซลล์สมอง และใยประสาทฉีกขาด และถูกทำลาย ทำให้สมองไม่สามารถสั่งการได้ตามปกติ
- การทำงานด้านทักษะการใช้กล้ามเนื้อและมือด้านที่ไม่ถนัดของนักมวยเด็กดีกว่าเด็กทั่วไป เพราะผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
- การทำงานของสมองด้านความจำลดลง สามารถนำไปสู่อาการบกพร่องทางปัญญาหรือภาวะสมองเสื่อมได้
อาการเหล่านี้เกิดขึ้นทีละเล็กละน้อยสะสมไปเรื่อยๆ ทำให้บางครั้งอาการทางกายภาพไม่สามารถมองเห็นได้ กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้เสียแล้ว ฉะนั้น อย่าเสี่ยงให้เจ้าตัวซนชกมวยเลยค่ะ