ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ มีรักก็มักมีเลิก เมื่อลูกวัยรุ่นต้องเผชิญกับการเลิกรา เด็กในวัยนี้มักจะรู้สึกเจ็บปวดรุนแรง มีอาการฟูมฟาย หรืออาจซึม ไม่พูดไม่จา รักที่ไม่สมหวังคืออีกปัญหาใหญ่ของวัยรุ่นที่พ่อแม่ควรใส่ใจและใกล้ชิดลูก เพราะหากละเลยอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่อันตรายหรือส่งผลกระทบต่อชีวิตของลูกได้ค่ะ
ความสุขกับความทุกข์เป็นของคู่กัน หากคิดจะรักก็ต้องเผื่อใจให้กับความผิดหวัง เมื่อลูกอกหัก คุณพ่อคุณแม่รวมถึงสมาชิกในครอบครัวควรช่วยรักษาอาการนี้โดยเร็ว ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีการเหล่านี้
- อย่าดุด่าว่ากล่าวหรือตอกย้ำซ้ำเติม เพราะยิ่งทำให้ลูกรู้สึกแย่ และพาลจะรู้สึกติดลบกับพ่อแม่ได้ ควรให้กำลังใจลูกด้วยคำพูดดีๆ คำพูดที่สร้างความเชื่อมั่น คำพูดที่ให้กำลังใจ
- บอกให้ลูกพูดคุยกับเพื่อนสนิทเพื่อระบายความรู้สึก หรืออาจทำหน้าที่นั้นเองโดยหรือคอยรับฟังเมื่อลูกอยากระบาย ทั้งนี้ ควรเป็นผู้ฟังที่ดีโดยที่ไม่ต้องคอมเมนต์หรือทำหน้าที่ตัดสินถูกผิด
- หาเพลงฟังหรือหาหนังสือให้กำลังใจให้ลูก หรือแนะนำให้ลูกออกกำลังกายเพื่อจะได้หลับสบาย
- ชวนลูกไปทำกิจกรรมด้วยกัน เช่น ไปเที่ยว ไปกินข้าวนอกบ้าน เป็นการดึงลูกให้ออกจากความคุ้นเคยเดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ แถมยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวได้อีกด้วย
- สอนลูกว่าอย่าโกรธแค้น เพราะชีวิตมีค่า ชี้ให้เห็นว่าเราควรรักคนที่เห็นคุณค่าความรักของเราจริงๆ รวมถึงอธิบายเกี่ยวกับการคิดสั้นฆ่าตัวตายว่าไม่เกิดประโยชน์ใด แต่ควรเลือกจังหวะเวลาให้ดี ถ้าลูกยังไม่ต้องการฟังก็อย่ายัดเยียด เพราะอาจทำให้เขายิ่งต่อต้าน
หากลูกมีอาการขังตัวเองอยู่ในห้องแล้วฟังแต่เพลงเศร้า หรือเปิดเพลงลั่นบ้าน ก็ปล่อยไปก่อน ไม่ต้องกวนใจใดๆ (เว้นแต่ว่าถ้าลูกดูเศร้าหนักมาก ก็ไม่ควรปล่อยให้อยู่คนเดียวเพราะอาจคิดสั้นได้) ปล่อยไว้ซัก 2-3 วัน อาจลองชวนลูกไปช้อปปิ้ง หรือไปดูหนัง ถ้าลูกยังไม่อยากไปก็ไม่ว่ากัน ให้เวลาเขาอีกนิด คอยดูอยู่ห่างๆ โดยมากเด็กจะคิดได้และไม่ช้าก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าลูกคุณเริ่มกลายเป็นเด็กที่หลบหน้าหลบตาผู้คน ไม่ยอมออกไปไหนเลย ควรยื่นมือเข้ามาช่วยหรือปรึกษาจิตแพทย์เพื่อเยียวยาจิตใจ
การกอดเป็นการสัมผัสที่ดีที่สุดที่จะช่วยเยียวยาความรู้สึกโศกเศร้าให้หายไปได้ พ่อแม่จึงควรให้กำลังใจลูกโดยการกอดเพื่อบอกให้ลูกรู้ว่าลูกมีคนที่รักและอยู่กับเขาเสมอนะคะ
