กลายเป็นเรื่องเศร้าสลดที่แม้มีตัวอย่างให้เห็นพอสมควรแต่ก็ยังมีกรณีคล้ายคลึงกันเช่นนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ…
อันตรายจากการป้อนกล้วยบดแก่ทารกวัยต่ำกว่า 6 เดือน
ไม่ว่าจะเป็นท้องอืด อาเจียน ลำไส้อักเสบ กระเพาะแตก และล่าสุดกับข่าวทารกเสียชีวิตจากการที่แม่ป้อนกล้วยให้กินทั้งที่เบบี๋อายุเพียง 7 วัน!!
การป้อนกล้วยให้ทารกกิน เป็นอีกหนึ่งความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณของคนเฒ่าคนแก่บ้านเรา ที่เมื่อเด็กอายุได้ประมาณหนึ่งก็เริ่มจะให้กินอาหารที่อ่อนๆ นิ่มๆ กัน ซึ่งช้อยส์อันดับหนึ่ง คือ กล้วย เพราะหาง่าย เนื้อนิ่ม กินแล้วหนักท้อง แต่ในปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้ออกมายืนยันว่า ทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนไม่ควรกินอาหารชนิดอื่นนอกจากนม โดยเฉพาะนมแม่
อาหารสําหรับทารกแรกเกิดที่ดีที่สุด คือ นมแม่
เพราะอุดมด้วยสารอาหารที่จำเป็นและมีประโยชน์สำหรับทารก ที่สำคัญสามารถย่อยและดูดซึมได้ดี ส่วนอาหารเสริมอื่นๆ เช่น ข้าว กล้วย กุมารแพทย์จึงแนะนำให้เริ่มให้ทารกรับประทานได้เมื่ออายุ 4-6 เดือน เพราะการทำงานของระบบย่อยอาหาร ในร่างกายของเด็ก จะเริ่มสมบูรณ์เมื่ออายุอย่างน้อย 4 เดือนขึ้นไป
ทางที่ดีควรเริ่มให้เด็กเริ่มรับประทานอาหารชนิดอื่นเสริมเมื่ออายุ 6 เดือน เนื่องจากน้ำย่อยในกระเพราะพร้อมที่จะย่อยอาหารที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่มากขึ้นกว่านมแล้ว ทั้งนี้การป้อนอาหารเสริม อาทิ กล้วยบด หรือข้าวบด ควรให้ในปริมาณที่น้อยมาก อาจให้เพียง 1 ช้อนชาเท่านั้น เพื่อค่อยๆ ฝึกการย่อยอาหารที่มีกากในร่างกายเด็กไปก่อน ที่สำคัญต้องบดให้ละเอียด เพราะอวัยวะของเบบี๋บอบบางมากค่ะ
ทั้งนี้ ในการให้อาหารเสริมที่นอกเหนือไปจากนมแม่นั้น ควรเลือกเมนูให้เหมาะสมกับอายุของลูก เริ่มให้ทีละน้อย ทีละชนิด และสังเกตการแพ้อาหารของลูกไปด้วย ระมัดระวังเรื่องความสะอาด เลือกอาหารที่สด ปรุงใหม่ๆ รสอ่อนๆ และมีความหลากหลาย หากไม่แน่ใจไม่ควรลองเสี่ยงเพราะอาจเกิดอันตรายต่อเจ้าตัวเล็กได้ ทางที่ดีควรปรึกษาคุณหมอให้เคลียร์ก่อนนะคะ
ย้ำอีกครั้งนะคะว่าเด็กทารกรับประทานนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก หลังจากนั้นให้รับประทานอาหารเสริมตามวัย ควบคู่ไปกับนมแม่จนกว่าจะอายุ 2 ขวบหรือมากกว่าค่ะ