โดยทั่วไปคุณพ่อคุณแม่มักจะมีวิธีการต่างๆ ที่จะทำให้ลูกน้อยหลับได้อย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้มีเวลาทำอย่างอื่นและไม่ต้องเหนื่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นการไกว การแกว่ง การโยก การตบก้น หรือบางคนก็พยายามจะให้ลูกหลับเยอะๆ จะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อน
รู้หรือไม่คะว่า วิธีการเหล่านี้บางทีก็ไม่เกิดผลดีต่อตัวลูกนะคะ!
พาลูกเข้านอนดึก
ในช่วงวัยทารกลูกอาจจะยังหลับและตื่นไม่เป็นเวลาอย่างผู้ใหญ่ แต่ลูกก็จะปรับตัวไปตามช่วงวัย ทำให้สามารถหลับยาวนานขึ้นในเวลากลางคืน สำหรับเด็กวัยกำลังหัดเดินต้องการนอนหลับประมาณ 12 ชั่วโมงติดต่อกันในตอนกลางคืน หากคุณพาลูกเข้านอนดึกหรือยอมให้เขาตื่นมาเล่นกลางดึกก็จะมีผลต่อสมองและพัฒนาการของลูกแน่นอนค่ะ
การแกว่งหรือใช้การเคลื่อนไหว
พ่อแม่บางคนชอบไกวเปล อุ้มลูกแกว่งไปมา เขย่าเบาๆ หรือตบก้น เพื่อให้ลูกเพลินแล้วหลับไป จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร หากคุณจะทำเพียงเพื่อให้ลูกสงบลงแล้วปล่อยให้ลูกหลับไปเอง แต่การไกวเปลหรือแกว่งตลอดเวลาแม้ขณะที่ลูกหลับไปแล้วย่อมไม่ส่งผลดีต่อลูกแน่นอนค่ะ เพราะขณะที่คุณแกว่งลูกไปมาอวัยวะภายในและสมองอันแสนบอบบางของลูกก็จะเคลื่อนที่ไปมาด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับคุณที่คงไม่อยากให้ใครจับตัวเขย่าตลอดเวลาใช่ไหมคะ
ให้ลูกเข้านอนไม่เป็นเวลา
ความไม่สม่ำเสมอในการพาลูกเข้านอน ของคุณจะสร้างปัญหาทั้งกับตัวคุณเองและลูกเป็นอย่างมาก เพราะนอกจาก นาฬิกาชีวิตของลูกจะเดินอย่างสับสนไปมา ส่งผลต่อพัฒนาการที่ดีของลูกแล้ว คุณยังสร้างปัญหาเกี่ยวกับระเบียบวินัยให้กับลูกด้วย ดังนั้นเรื่องการเข้านอนจึงไม่ใช่เล็กๆ ที่คุณจะละเลยนะคะ ควรฝึกลูกทำกิจวัตรประมาณวันต่างๆ ให้เป็นเวลา ก็จะเป็นผลดีกับทั้งคุณแม่และคุณลูกค่ะ
การย้ายลูกจากเปลไปนอนเตียงใหญ่เร็วเกินไป
โดยทั่วแล้วเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปจึงสมควรให้ลูกย้ายเตียงนอนหรือนอนคนเดียว ดังนั้นสำหรับเด็กทารกหรือลูกในวัยต่ำกว่า 3 ขวบ จึงยังควรนอนเปลหรือที่นอนสำหรับเด็กที่มีคอกหรือเครื่องป้องกัน ลูกก็จะปลอดภัยและรู้สึกอบอุ่น หากคุณเร่งรัดลูกจนเกินไปคุณอาจต้องประสบปัญหา ลูกร้องไห้งอแง กลัวความมืด กลัวการนอนคนเดียว หรือตื่นขึ้นมากลางดึกแทนที่จะหลับยาวจนถึงเช้า ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก เพราะเกิดการฝังใจกับการต้องนอนลำพังไปแล้ว
คุณแม่มือใหม่หรือมือเก่าบางคนมักจะมีความเชื่อผิดๆ เรื่องของการเลี้ยงลูก แต่หากคุณแม่มีความมุ่งมั่นที่เลี้ยงดูลูกน้อยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพแล้วละก็ ไม่ต้องกังวลกับปัญหาต่างๆ ให้มากจนเกินไปนะคะเพียงแต่หมั่นศึกษาหาความรู้รอบตัว เปิดใจให้กว้าง นำข้อคิดและความรู้เหล่านั้นไปปรับใช้อย่างเหมาะสม ก็จะเป็นตัวช่วยให้คุณแม่ได้มากเชียวค่ะ