“โรคไวรัสตับอักเสบบี” นับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค โดยเป็นสาเหตุสำคัญของโรคตับแข็งและมะเร็งตับ สำหรับหญิงท้องที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีนั้น อันตรายจะส่งต่อจากแม่สู่ทารกในครรภ์ ลูกเสี่ยงโรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง พัฒนาเป็นโรคตับแข็ง หรือมะเร็งตับในอนาคต
ไวรัสตับอักเสบบี
เป็นโรคที่พบบ่อยในประเทศไทย บางคนมีอาการน้อยคล้ายเป็นไข้หวัดธรรมดา บางคนมีอาการมาก ที่สังเกตได้คือ ตาเหลือง ตัวเหลือง อ่อนเพลีย ปัสสาวะสีเข้ม ในรายที่มีอาการหนัก เป็นเพราะตับถูกทำลายมาก ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ในรายที่มีอาการดีขึ้นก็จะมีการสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย บางคนอาจมีอาการตับอักเสบเรื้อรัง มีเชื้อไวรัสอยู่ในเนื้อตับและออกมาในกระแสเลือด
ข้อมูลจาก นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า โรคไวรัสตับอักเสบบี คือสาเหตุสำคัญของโรคตับแข็งและมะเร็งตับ โดยเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสามารถถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก และจะมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้นเมื่อมารดาที่ติดเชื้อมีปริมาณไวรัสตับอักเสบบีในเลือดสูง หากทารกติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากมารดา จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังมากถึงร้อยละ 90 และสามารถพัฒนาเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับในอนาคต
วิธีกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบบีจากแม่สู่ลูก
- คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องได้รับการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี ฉะนั้นหากตั้งครรภ์ก็ควรรีบไปฝากครรภ์เพื่อนำไปสู่การตรวจสุขภาพและเฝ้าระวังโรคต่างๆ จะได้วินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที
- คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อและมีปริมาณไวรัสตับอักเสบบีสูง ควรได้รับยาต้านไวรัส Tenofovir disproxil fumarate (TDF)
- หากทารกแรกเกิดจากมารดาที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ควรได้รับ Hepatitis B Immunoglobulin (HBIG)
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องพาทารกน้อยไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบชนิด บี ตามระยะเวลาที่กำหนดด้วย เพื่อให้ร่างกายของเด็กน้อยสร้างภูมิต้านทานได้เองในภายหลังด้วย โดยฉีดเมื่ออายุ 1 เดือน, 2 เดือน, 6 เดือน และ 12 เดือนตามลำดับ (เมื่อแรกคลอดจะมีการฉีดวัคซีนเพื่อให้เด็กมีภูมิต้านทานทันที)
ไม่อยากให้เบบี๋เสี่ยงสารพัดโรคก็ต้องรีบป้องกันแต่เนิ่นๆ นะคะ ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี รวมถึงรีบไปฝากครรภ์ เพราะหากตรวจพบความผิดปกติก็จะสามารถรักษาได้ทันท่วงทีค่ะ