“ท้องนอกมดลูก” หรือ “การตั้งครรภ์นอกมดลูก” เป็นภาวะแทรกซ้อนทางการตั้งครรภ์ที่อันตราย ถือเป็นความผิดปกติของการตั้งครรภ์อย่างหนึ่ง ที่น่ากลัวคือ หากการรักษาไม่ทันท่วงที คุณแม่อาจถึงกับเสียชีวิตเนื่องจากเสียเลือดมากได้ และอาจมีภาวะแทรกซ้อนระยะยาว ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้ค่ะ
ลักษณะของ “ท้องนอกมดลูก” คือ แทนที่ตัวอ่อนจากการปฏิสนธิของไข่และตัวเชื้ออสุจิ จะไปฝังตัวที่โพรงมดลูกตามปกติแล้วค่อยๆ เติบโตเป็นทารกและคลอดออกมา แต่กลับไปฝังตัวนอกโพรงมดลูก
ที่พบบ่อยที่สุด คือ ไปฝังตัวที่ปีกมดลูกหรือท่อนำไข่ นอกจากนี้สามารถไปฝังตัวที่รังไข่ ปากมดลูก หรือในช่องท้องได้
ปัจจัยเสี่ยงของการท้องนอกมดลูก ได้แก่…
- การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน อาจทำให้เกิดพังผืดบริเวณปีกมดลูกและรังไข่ ทำให้ท่อนำไข่คดงอ หรือตีบตันบางส่วน ทำให้ขัดขวางการเดินทางของตัวอ่อนที่จะไปฝังตัวที่โพรงมดลูก ตัวอ่อนจึงฝังตัวที่ปีกมดลูกก่อน
- การผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน โดยเฉพาะบริเวณท่อนำไข่ อาจทำให้เกิดพังผืดหรือท่อนำไข่ตีบตัน ส่วนการทำหมันแล้วก็รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่ท้องนอกมดลูก การตั้งครรภ์หลังทำหมัน มักจะเป็นการท้องนอกมดลูก
- ความผิดปกติของท่อนำไข่ เช่น ท่อนำไข่หรือปีกมดลูกเกิดการอักเสบเรื้อรัง มีพังผืดกั้นทำให้ท่อทางเดินของไข่อุดตัวเป็นบางส่วน จนปิดกั้นขวางทางไม่ให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วเดินทางไปฝังตัวในโพรงมดลูก เมื่อถึงระยะเวลาฝังตัวก็เพิ่งเดินทางอยู่ในท่อนำไข่เท่านั้น จึงเกิดการฝังตัวอยู่ที่ท่อนำไข่แทน
- การมีประวัติท้องนอกมดลูกมาก่อน จะเพิ่มความเสี่ยงที่เกิดซ้ำในครรภ์ต่อไป
- การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนเพียงอย่างเดียว เช่น ยาคุม กำเนิดฉุกเฉิน อิทธิพลของฮอร์โมนจะทำให้การบีบตัวของท่อนำไข่ช้าลง ทำให้ตัวอ่อนเคลื่อนที่ได้ช้าลง
- การใส่ห่วงอนามัย สามารถป้องการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูกได้ แต่ไม่สามารถป้องการฝังตัวของตัวอ่อนที่ปีกมดลูก
- การใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น การกระตุ้นการตกไข่ด้วยฮอร์โมน หรือการทำกิฟท์
- สตรีตั้งครรภ์เมื่ออายุมาก มีความเสี่ยงมากกว่าสตรีตั้งครรภ์อายุน้อย
เมื่อทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ควรรีบไปฝากครรภ์ เพื่อแพทย์จะตรวจความผิดปกติต่างๆ ได้โดยเร็ว โดยทั่วไปการตั้งครรภ์ที่ปกติจะไม่มีเลือดออกทางช่องคลอด หรือปวดท้องน้อยอย่างมาก หากพบว่าตนเองตั้งครรภ์หรือขาดประจำเดือน แล้วปวดท้อง ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์