เราอาจเคยมีความรู้สึกว่าบางครั้ง ลูกติดคุณพ่อคุณแม่มาก ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่มั่นใจที่จะพูดคุยแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่อหน้าคนแปลกหน้า หรือหากต้องอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นส่วนตัวหรือไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคย โดยเฉพาะการเพิ่งเข้าเรียน ย้ายห้องใหม่ มีเพื่อนใหม่ ฯลฯ ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากลูกจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และปรับตัวบ้าง อาจจะใช้เวลามากน้อยแตกต่างกันออกไป แต่หากเกินจาก 1 เดือนขึ้นไปลูกยังไม่พูดคุยกับใครเลย คุณพ่อคุณแม่คงต้องรีบเก็บข้อมูล เฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิด เพราะลูกอาจมีพฤติกรรม Selective Mutism เสียแล้ว
ไม่พูดแบบไหน.. เรียกว่าเสี่ยง?
ไม่สามารถพูดในสถานการณ์หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง
เช่น เมื่ออยู่โรงเรียน เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เด็กบางคนพูดคุยเป็นปกติเมื่ออยู่ที่บ้าน หรือเฉพาะกับคนในครอบครัว แต่เมื่ออยู่โรงเรียนจะมีพฤติกรรมอีกแบบ ซึ่งโดยมากคุณพ่อคุณแม่มักจะไม่รู้เลยว่าลูกผิดปกติจนกระทั่งได้รับการรายงานจากคุณครู
การเลือกพูดเฉพาะที่หรือเลือกที่จะไม่พูดในบางที่ เริ่มเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้และพัฒนาการทางสังคม
เด็กบางคนเมื่อมีพฤติกรรม Selective Mutism จะไม่ใช้การพูดในการสื่อสารกับครูหรือเพื่อน แต่จะสามารถเรียนรู้บทเรียนต่างๆ ได้ แต่แสดงท่าทางในการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ แทน แต่การไม่พูดย่อมทำให้การเรียนรู้และพัฒนาการทางสังคมเกิดปัญหา โดยเฉพาะในระยะยาว
ไม่ยอมพูดนานกว่า 1 เดือน
นับจากการเริ่มปรับตัวกับโรงเรียน หรือสถานการณ์ใหม่ๆ
เด็กมีพัฒนาการทางสมอง การรับรู้ เข้าใจ สิ่งต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ไม่พูด
พฤติกรรม Selective Mutsim เป็นภาวะที่ไม่กระทบกับพัฒนาการทางสมองเด็กบางคนสามารถเรียนหนังสือได้ดี เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้รวดเร็ว พูดได้ เขียนได้ ตามปกติ แต่เลือกที่จะไม่พูดในบางสถานการณ์เท่านั้น
สำหรับสาเหตุของการเกิดพฤตินี้ยังไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัด แต่ส่วนใหญ่สันนิษฐานว่าเกิดจากสภาพแวดล้อมหล่อหลอมให้เกิดพฤติกรรม เช่น ภาวะครอบครัวที่ขัดแย้งกันบ่อยครั้งหรือรุนแรง การเกิดความบอบช้ำทางใจตั้งแต่ยังเล็ก หรือแม้กระทั่งการติดแม่มากเกินไป
พฤติกรรม Selective Mutism นี้ อาจจะไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายโดยตรงต่อสุขภาพร่างกาย แต่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในระยะยาว หากคุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจพบและได้รับคำแนะนำจากคุณหมอแต่เนิ่นๆ ก็จะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีและสามารถช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมปกติได้เร็วขึ้นค่ะ