10 ข้อหาคู่ตามหลักนักเศรษฐศาสตร์

0

เมื่อปี 2010 Diamond, นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ได้รับรางวัลโนเบล จากแบบจำลอง “การค้นหาและการจับคู่” (Search and Matching Model) แบบจำลองที่ว่านี้เน้นไปที่ตลาดแรงงาน (Labor Market) โดยทั้งแรงงานและนายจ้างต่างก็ต้องค้นหาซึ่งกันและกัน เพื่อให้ได้คู่ที่เหมาะสมที่สุด แรงงานต้องการนายจ้างที่มีงานในแบบที่ตนเองต้องการ ขณะที่นายจ้างเองก็ต้องการแรงงานที่มีทักษะเหมาะสมกับงานที่ตนเองมีอยู่  แต่เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานของแรงงานที่หลากหลาย การไม่ให้ความร่วมมือแก่กันและกันเพื่อการค้นหาที่ดีกว่าอย่างเต็มที่ และปัจจัยอื่นๆ จึงส่งผลให้การค้นหาซึ่งกันและกันมีต้นทุน จนบางครั้งต่างฝ่ายต่างก็ไม่อาจรอจนเจอคู่ที่เหมาะสมที่สุดได้

ความไม่ลงรอยกันของการค้นหาและการจับคู่นี้ ใช่ว่าอธิบายได้เฉพาะตลาดแรงงานเท่านั้น แต่ยังสามารถอธิบายตลาดขายบ้าน เสื้อผ้า สินค้ามือสอง สินค้าเน้นดีไซน์ รวมไปถึงการหาแฟนได้อีกด้วย ซึ่งหากนำมาประยุกต์ใช้กับการค้นหาและจับคู่ของผู้หญิงและผู้ชาย ก็มีประเด็นน่าสนใจ ดังต่อไปนี้ค่ะ

love

1.การตามหาคนที่เหมาะกับเราต้องอาศัยเวลา…เสมอ

ไม่ต่างไปจากการค้นหาและจับคู่กันของแรงงานและนายจ้างที่เหมาะสม ซึ่งเราต้องใช้ทั้งเวลา ความพยายาม และบางทีอาจจะต้องใช้เงินด้วย ดังนั้น การตามหาคนที่เหมาะสม โดยเพียงแค่นั่งรอคอยนั้นจึงไม่เพียงพอ เนื่องจากการจะเจอคู่ที่เหมาะสมตามมีตามเกิดนั้นมีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก

2. ความล้มเหลวเกิดขึ้นได้

ซึ่งบางครั้งก็เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น นายจ้างอาจประสบปัญหาในการบริหารจัดการ หรือแรงงานอาจประสบปัญหาสุขภาพ จึงทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยมีประสิทธิภาพในครั้งหนึ่งก็จะไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป ไม่ต่างจากชีวิตคู่ที่อาจประสบปัญหาเมื่อเวลาผ่านไป และก็ไม่ได้มาจากตัวคนสองคนด้วย ผลก็คือ ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มต้นกระบวนการค้นหาใหม่ เพื่อให้ได้คู่ที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

3. เมื่อไรก็ตามที่โลกนี้มีคนที่เหมาะสมกับเรารออยู่ ความเป็นโสดก็จะดำรงอยู่เสมอ

เมื่อการตามหางานที่เหมาะสมต้องอาศัยเวลา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่การว่างงานของคนในสังคมจะมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกันกับการตามหาคนที่เหมาะสมนั้นก็ต้องใช้เวลา และความล้มเหลวก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งการตามหาคนใหม่ที่เหมาะสมก็ต้องใช้เวลาอีก ในสังคมจึงต้องมีคนโสดดำรงอยู่ ทั้งนี้ก็เพราะคนเหล่านั้นกำลังรอคนที่เหมาะสมนั่นเอง

4. สำหรับคู่ที่กำลังเริ่มต้น การอยู่กับคนๆ นี้ต้องดีกว่าการอยู่เป็นโสด แต่การจะคบกันได้ตลอดรอดฝั่งนั้น การอยู่กับคนๆ นี้ต้องดีกว่าการอยู่กับคนอื่น

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คู่ที่ดีต้องเสริมกันและ เช่น ต่างฝ่ายต่างมีความสุข และจะต้องมีความสุขมากกว่าค่าคาดหวังของการตามหาคนใหม่ด้วย ไม่ต่างไปจากความสัมพันธ์ระหว่างแรงงานกับนายจ้างที่ต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน และต้องดีกว่าที่จะได้รับจากแรงงานหรือนายจ้างคนอื่นด้วย มิฉะนั้นการเปลี่ยนงานก็อาจเกิดขึ้นได้

5. บางครั้งเราตกลงเป็นแฟนกับคนบางคน เพราะเหนื่อยที่ต้องรอคอย อย่าเชียว!

เพราะมันจะกลายเป็นการจับคู่ที่ไม่ยั่งยืน และเท่ากับว่าเราทำลายโอกาสที่ดีกว่าที่กำลังจะมาถึง ไม่ต่างไปจากการตัดสินใจเซ็นต์สัญญาทำงานอะไรก็ได้ทั้งที่เราไม่ได้ชอบ แค่เพราะไม่อยากรอคอย ซึ่งงานใหม่ที่ดีกว่าจำนวนมากก็จะหายไปทันที

6. ความพยายามในการค้นหาจะให้ผลดีกว่าถ้าเรามีตัวเลือกมากๆ

ประเด็นนี้เป็นจริงสำหรับชายหรือหญิงก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนระหว่างเพศชายและหญิงของแต่ละสังคม ถ้าเพศใดมีจำนวนน้อยกว่า เพศนั้นก็มีแนวโน้มที่จะมีอำนาจเหนือกว่า นี่เป็นเหตุผลเดียวกับที่(โดยรวมแล้ว)นายจ้างมีอำนาจต่อรองในการจับคู่มากกว่าแรงงาน ก็เพราะนายจ้างมีจำนวนน้อยกว่าแรงงานนั่นเอง

7. บริษัทจัดหาคู่(หรือพ่อสื่อแม่สื่อ)จะทำให้เราเจอคนที่เหมาะกับเราเร็วขึ้นและลดช่วงเวลาของการเป็นโสดลง

เช่นเดียวกับบริษัทจัดหางาน แต่เงื่อนไขก็คือบริษัทเหล่านี้ต้องอยู่ในตลาดแข่งขันด้วย มิฉะนั้นแล้วบริษัทเหล่านี้ก็จะไม่แสวงหาคู่หรืองานที่ดีพอมาให้เรา

8. แฟนกันที่เข้ากันได้ดีจะนำไปสู่การแต่งงาน

และความที่ผู้ชายเป็นคนเสนอขอแต่งงาน คล้ายกับนายจ้างที่เสมือนเป็นผู้เสนอสัญญาจ้างงาน ผู้ชายหรือนายจ้างจึงดูเหมือนว่ามีบทบาทมากกว่าในการสร้างความสัมพันธ์กับตัวผู้หญิงหรือแรงงาน ในโลกยุคใหม่ที่การคุ้มครองสิทธิแรงงานมีประสิทธิภาพ และสิทธิหญิงและชายเท่าเทียมกันนั้น ผู้หญิงก็ควรจะเป็นคนเอ่ยปากขอผู้ชายแต่งงานเพื่อรักษาดุลอำนาจของสิทธิเอาไว้ได้อย่างชอบธรรมเช่นกัน อย่าไปกลัว

9. ผู้หญิงจะได้ประโยชน์จากการแต่งงานมากกว่าผู้ชาย ถ้าเขาเรียนรู้ที่จะรอ

สมมติว่าผู้ชายเป็นคนขอแต่งงานและผู้หญิงเป็นฝ่ายตอบสนอง บทบาทของผู้หญิงจึงไม่ต่างไปจากแรงงานในตลาดแรงงาน แต่แรงงานที่กำลังหางานที่เหมาะสมอยู่นั้น มีโอกาสที่ได้รับผลประโยชน์ในช่วงเวลาที่ว่างงาน  ซึ่งไม่สามารถหาได้ในช่วงเวลาที่มีงานทำแล้ว ในเชิงของการมีแฟน ผู้หญิงก็สามารถแสวงหาความสุขบางอย่างได้ในช่วงโสด ซึ่งทำไม่ได้ในเวลาที่มีแฟนแล้ว เช่น เมาท์กับเพื่อนบ่อยๆ ไปปาร์ตี้ทุกวัน ออกเที่ยวไม่กลับบ้าน เป็นต้น ซึ่งความสุขของคนโสดเหล่านี้จะช่วยยืดระยะเวลาการรอคอยออกไป ซึ่งเขาก็จะมีโอกาสได้เจอคู่ที่เหมาะสมมากขึ้น

10. พวกเขาจะมีผลได้ที่ดีขึ้น ถ้าพวกเขาตกลงและบังคับใช้ข้อตกลงร่วมกันว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ

นั่นคือ การทำตามข้อตกลงที่ได้เจรจาไว้ตั้งแต่ต้น จะช่วยให้แรงงานและนายจ้างอยู่กันไปได้นาน เช่นเดียวกันกับคู่หญิงชายที่มีการทำข้อตกลงสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกันเอาไว้ก่อนเช่นกัน

 

อืม.. เข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *