ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องการเลือกซื้อรถเข็นให้ลูก แม่นุ่มอยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองพิจารณาดูความจำเป็นตามสภาพการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวดูก่อนค่ะว่าจำเป็นต้องพึ่งพารถเข็นเด็กมากน้อยแค่ไหน บางบ้านอาจจะไม่มีโอกาสได้ออกไปไหนต่อไหนมากมาย บางบ้านเมื่อซื้อมาแล้วจึงค้นพบว่าลักษณะนิสัยของลูกไม่ได้อำนวยต่อการใช้รถเข็น คือ ไม่ยอมนั่งนั่นเอง ดังนั้นบ่อยครั้งเราจึงเห็นครอบครัวที่ใช้รถเข็นเด็กตามห้างสรรพสินค้าต้องกระเตงลูก หอบของ แล้วยังต้องเข็นรถเปล่า ดูทุลักทุเลยังไงชอบกล หนักๆ เข้าก็กลายเป็นว่าต้องใช้รถเข็นเด็กเป็นรถขนของแล้วอุ้มลูกแทน
แต่ถ้าหากพิจารณากันแล้วเห็นถึงความจำเป็นในการใช้รถเข็นเป็นอุปกรณ์ผ่อนแรง เราก็มาเลือกดูกันตามความเหมาะสมเลยคะ
ข้อควรคำนึงก่อนเลือกซื้อรถเข็นเด็ก
พิจารณาตามอายุลูก
ข้อนี้เรียกได้ว่าสำคัญมาก เพราะหากคุณมองแต่ความคุ้มค่าซื้อเผื่อโต โดยเลือกรถเข็นสำหรับเด็กโตมาใช้กับเด็กเล็กๆ วัยเบบี๋ ย่อมก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าจะปลอดภัย ทั้งในแง่ของอุบัติเหตุและในแง่ของสรีระ สุขภาพร่างกายในระยะยาวด้วย โดยทั่วไปรถเข็นแต่ละประเภทมักจะมีการกำหนดการใช้งานตามอายุหรือน้ำหนักของเด็ก ซึ่งทำให้เราสามารถประเมินได้ว่า รถเข็นประเภทไหนเหมาะกับวัยของลูกค่ะ
พิจารณาตามลักษณะการใช้งาน
เราจะสังเกตได้ว่าโดยทั่วไปรถเข็นเด็กมักจะมีอยู่ 3 ประเภทกว้างๆ ได้แก่
- รถเข็นแบบตะกร้า (stroller travel systems)
เป็นรถเข็นที่มีลักษณะเหมือนตะกร้าที่สามารถประกอบเข้ากับตัวฐานที่มีล้อใช้เป็นรถเข็น และถอดตัวตะกร้าออกมาติดตั้งกับเบาะรถยนต์ (car seat) ได้สะดวกสบายแบบ 2 in 1 ซึ่งรถประเภทนี้เหมาะกับเด็กเล็กๆ ตั้งแต่วันเบบี๋ ไปจนถึงประมาณ 1 ขวบ เพราะออกแบบมาสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ สามารถยกตะกร้าไปตามที่ต่างๆได้ โดยไม่ต้องอุ้มเบบี๋เข้าๆ ออกๆ รบกวนเวลานอน แต่หลังจากนั้นก็ควรจะเปลี่ยนเป็นที่นั่ง car seat โดยเฉพาะหรือรถเข็นโดยเฉพาะ เพราะลูกคงตัวใหญ่ล้นตะกร้าจนคุณไม่สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้ทั้งตะกร้าอีกต่อไปแล้ว
ข้อดีของรถเข็นแบบนี้ คือ เหมาะสมสำหรับเด็กเล็กๆ โดยเฉพาะ แต่ข้อเสียคือ ราคาค่อนข้างแพงและสามารถใช้งานได้เพียง 1-2 ปีเท่านั้น
- รถเข็นแบบมาตรฐาน (standard-size stroller)
เป็นรถเข็นรูปแบบที่เราพบเห็นกันทั่วไป มักจะออกแบบให้สามารถปรับระดับขนาดต่างๆ ให้ใช้งานได้กับเด็กหลายช่วงวัย เช่น พนักปรับเอนได้หลายระดับ สายรัดเข็มขัดปรับขนาดเล็กใหญ่ได้ตามขนาดเอวและขาของเด็ก มีที่บังตาบังแดด มีที่วางขวดน้ำขวดนม สามารถเสียบโมบายแขวนของเล่นได้ มีช่องเก็บของใต้ที่นั่ง ฯลฯ ดังนั้นรถเข็นลักษณะนี้จึงปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่เด็กวัยแบเบาะ วัยหัดนั่ง ฝึกกินข้าว ไปจนถึงวัยซนเดินได้วิ่งได้เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นทั้งเปล เก้าอี้กินข้าว รถเข็นเดินเล่น รถเข็นเวลาไปเที่ยว ที่เกาะสำหรับหัดเดิน และกลายมาเป็นของเล่นของลูกในที่สุด รถเข็นแบบมาตรฐานจึงเป็นแบบที่คุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อเป็นส่วนใหญ่เพราะพิจารณาจากความคุ้มค่า บริษัทผู้ผลิตก็มีให้เลือกหลากหลาย ระดับราคาสินค้าจึงมีหลากหลายให้ได้เลือกซื้อเช่นกัน
- รถเข็นแบบก้านร่ม (umbrella stroller)
เน้นความสะดวกสบายในการใช้ การพับเก็บ และการพกพา ซึ่งง่ายและสบายมากเหมือนการกางร่มหุบร่ม จึงมีชื่อเรียกว่าแบบก้านร่ม ข้อดีคงไม่ต้องบอกซ้ำ แต่รถเข็นประเภทนี้มีข้อจำกัดสำหรับเด็กเล็ก ที่กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังยังไม่แข็งแรงพอ เพราะด้วยจุดเด่นเรื่องความสะดวกในการพกพาจึงทำให้วัสดุที่ใช้ไม่ใช่วัสดุที่หนาแน่นซึ่งช่วยในการทรงตัวและ Support สรีระของลูกเล็กๆเท่าที่ควร
อย่างที่ได้บอไว้ในตอนต้นนะคะว่า รถเข็นอาจไม่ใช่ a must สำหรับสิ่งของที่คุณพ่อคุณแม่ต้องซื้อ แต่หากจะตัดสินใจซื้อแล้วก็ควรจะพิจารณาให้เหมาะและคุ้มค่ากับการใช้งานมากที่สุดค่ะ
ที่มาภาพ Stroller travel systems, Standard-size stroller, Umbrella stroller