โรคไอพีดี เป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงในเด็ก สามารถติดต่อสู่กันได้ผ่านการไอหรือจามเหมือนกับการแพร่เชื้อไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีอาการร้ายแรงกว่าไข้หวัดมาก หากเด็กป่วยเป็นโรคดังกล่าวและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็มีโอกาสที่จะเสียชีวิตหรือพิการได้สูง
คำถามคือคุณแม่จะปกป้องเบบี๋จากโรคนี้ได้ยังไง?
โรคไอพีดี (IPD) หรือโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส เกิดจากเชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นเชื้อชนิดแพร่กระจายที่อันตราย มักอาศัยอยู่ในโพรงจมูกหรือคอของคนทั่วไป ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
ส่วนใหญ่ไม่มีอาการใดๆ เรียกว่าเป็นพาหะ แต่จะแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ง่ายโดยการไอ จาม ทำให้ละอองเสมหะแพร่กระจายออกไปเช่นเดียวกับโรคหวัด โดยพบว่าอัตราการเป็นพาหะของเชื้อจะสูงมากในเด็กโดยเฉลี่ยกว่าร้อยละ 50 ถ้าเชื้อนี้เข้าสู่เด็กเล็กซึ่งยังมีภูมิต้านทานต่ำก็จะติดเชื้อง่าย
จากสถิติขององค์การอนามัยโลก พบว่า…
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ถึง 2 – 3 ล้านคนต่อปี
โดยการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน ได้รับการยอมรับให้เป็นเครื่องมือที่ช่วยลดอัตราการเกิดโรคในเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ลดการเกิดโรคคอตีบ, ไอกรน, บาดทะยัก, หัด, หัดเยอรมัน, คางทูม, ไวรัสตับอักเสบเอ, ไวรัสตับอักเสบบี, อีสุกอีใส รวมทั้งโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
จากข้อมูลในประเทศไทยที่ทำการรวบรวมข้อมูลในจังหวัดสระแก้วและนครพนมได้แสดงให้เห็นว่าอุบัติการณ์ของโรคไอพีดีอยู่ที่ 3.6 ต่อ100,000 ประชากรต่อปี
ซึ่งอุบัติการณ์จะสูงขึ้นประมาณ 3 เท่าในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และสูงขึ้นประมาณ 10 เท่าในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี อย่างไรก็ตามอุบัติการณ์นี้น่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงเพราะผู้ป่วยประมาณ 1 ใน 4 ได้รับยาปฏิชีวนะมาก่อน ซึ่งอาจทำให้ตรวจไม่พบจากการเพาะเชื้อได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยด้วยโรคไอพีดียังมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้สูงถึงร้อยละ 23
โรคไอพีดีอาจมีความรุนแรงและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ สำหรับเด็กที่เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อนี้หากรอดชีวิต อาจจะมีความพิการและความผิดปกติทางระบบประสาทหลงเหลือ หรืออาจมีปัญหาการได้ยินซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการและการพูดในอนาคตได้