ในปัจจุบันมีคุณแม่จำนวนมากที่เลี้ยงการผ่าคลอดเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเจ็บปวด หรือบางคนก็ลดภาวะเสี่ยงในกรณีที่แม่ท้องมีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป ซึ่งพบมากในสังคมปัจจุบันที่ผู้หญิงมักตัดสินใจแต่งงานมีความครอบครัวช้าลง แต่ทราบหรือไม่ค่ะว่า การผ่าคลอดแทนวิธีธรรมชาตินั้นทำให้ทารกพลาดโอกาสได้รับภูมิต้านทานตั้งต้นตามธรรมชาติได้
ภูมิต้านทานตั้งต้น คืออะไร?
ภูมิต้านทานแรกเริ่มที่เด็กวัยแรกเกิดทุกคนควรได้รับ โดยธรรมชาติได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์นี้ไว้ให้กับแม่ทุกคนเพื่อส่งต่อไปยังลูกน้อยผ่านการคลอดตามธรรมชาติ ช่วงที่ลูกน้อยรอเวลาออกมาลืมตาดูโลกจะสามารถรับจุลินทรีย์สุขภาพภายในช่องคลอดของแม่ และจะพัฒนาไปเป็นระบบภูมิต้านทานตั้งต้นที่จะอยู่กับลูก 5 ปีเป็นอย่างน้อย ขณะที่เด็กผ่าคลอดอาจพลาดโอกาสที่จะได้รับ และเสี่ยงต่อการสร้างระบบภูมิต้านทานตั้งต้นที่ช้ากว่า โดยมีผลวิจัยยืนยันว่า เด็กที่ผ่าคลอดอาจมีโอกาสเจ็บป่วยได้มากขึ้นถึง 20% เลยล่ะค่ะ
ดื่มนมแม่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกได้…. เมื่อแม่ผ่าคลอด
พญ. เสาวภา พรจินดารักษ์ กุมารแพทย์พัฒนาการและพฤติกรรม โรงพยาบาล BNH และโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ แนะนำว่า…
6 เดือนแรกของการให้นมลูก เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของลูกน้อยในการสร้างภูมิต้านทาน การให้ลูกน้อยได้ดื่ม “นมแม่” เป็นวิธีลดความเสี่ยงของการมีพัฒนาการภูมิต้านทานล่าช้าที่ดีที่สุด
โดยในน้ำนมแม่มีองค์ประกอบเสริมสร้างภูมิต้านทานหลายชนิด รวมถึง จุลินทรีย์สุขภาพ (โพรไบโอติก) ที่ช่วยปกป้องลูกน้อยจากการติดเชื้อหรือเจ็บป่วย พร้อมด้วย อาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ (พรีไบโอติก) ที่จะช่วยให้จุลินทรีย์สุขภาพที่ดีขยายจำนวนเพิ่มขึ้นๆ ช่วยให้เด็กวัยแรกเกิดเติบโตได้ดี และทำให้มีภูมิต้านทานที่แข็งแรงกลับคืนมาค่ะ