นอนคว่ำ-นอนหงาย ท่าไหนดีกว่ากัน??

0

คงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาทุกยุคทุกสมัยว่าควรให้ลูกน้อยวัยเบบี๋นอนท่าไหนจึงจะดี  หัวจะได้กลมสวย  หลับนาน ไม่สะดุ้งตื่นง่าย  แต่ก็ต้องปลอดภัยหายห่วง  ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะหน้าฟุบกับหมอนหายใจไม่ออก  สำหรับแม่นุ่มแล้วคงไม่ตัดสินว่าท่าไหนดีกว่ากัน  แต่จะรวบรวมทั้งข้อดีและข้อควรระวังมานำเสนอให้คุณแม่ได้ศึกษาไว้เป็นข้อมูลกันค่ะ

 

นอนคว่ำ

เบบี๋11.5

ข้อดี:

  • ลูกหัวโหนกสวย  ไม่แบน
  • สะดุ้งผวาน้อย  หลับนาน
  • พัฒนาการกล้ามเนื้อคอดี  ชันหัว  ยกหัวได้เร็ว

ข้อควรระวัง:

  • ต้องหมั่นเปลี่ยนด้านวางศีรษะลูกให้สม่ำเสมอเท่ากันทั้งสองด้าน  หากวางข้างใดข้างหนึ่งบ่อยเกินไปก็อาจจะทำให้ศีรษะโหนก-แบนไม่เท่ากันได้
  • สังเกตการหายใจของลูกได้ยาก ซึ่งอาจแก้ไขได้โดยการหมั่นตรวจดูลูกบ่อยๆ
  • อาจเกิดโอกาสที่ลูกขยับศีรษะฟุบไปที่หมอนจนขาดอากาศหายใจได้
  • เสี่ยงต่อโรคไหลตายในเด็ก (SIDS) เกิดจากการที่ทารกมีความผิดปกติทางการหายใจระหว่างการนอนหลับ  มักเกิดกับทารกช่วงอายุ 2-4 เดือน  โดยเฉพาะในแถบยุโรป อเมริกา  ออสเตรเลีย ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตโดยมากมักจะมีสาเหตุอื่นๆ ประกอบด้วยเช่น  พ่อแม่สูบบุหรี่ ไม่ได้กินนมแม่ น้ำหนักแรกเกิดน้อย  คลอดก่อนกำหนด ฯลฯ

 

นอนหงาย

เบบี๋11.4

ข้อดี:

  • สามารถสังเกตใบหน้าและลักษณะทั่วไปของลูกได้อย่างชัดเจน
  • สามารถสังเกตการหายใจของลูกได้สะดวก
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไหลตายในเด็ก (SIDS)

ข้อเสีย:

  • ลูกอาจมีหัวแบน  ไม่กลมสวย  ( กุมารแพทย์บางท่านก็แย้งว่าจะเป็นเพียงช่วงสัปดาห์แรกๆ เท่านั้น  เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและจะลดน้อยลงเมื่อลูกโตขึ้น )
  • สะดุ้งผวาง่าย  ตื่นบ่อย
  • ขัดขวางพัฒนาการกล้ามเนื้อคอ  การชันหัว  ยกหัว แก้ไขได้โดยการจับลูกนอนคว่ำในขณะที่ลูกตื่นอยู่  เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสฝึกยกกล้ามเนื้อคอ

 

สรุปได้ว่า ‘ท่านอนคว่ำ’ มีข้อดีหลายประการแต่ก็มีความเสี่ยง  ในขณะที่ ‘ท่านอนหงาย’ มีความปลอดภัยแต่ก็ส่งผลกระทบทางลบมากมาย  ทางที่ดีคุณแม่ควรพิจารณาตามสถานการณ์รวมไปถึงพฤติกรรมและธรรมชาติของลูกประกอบกันแล้วนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมจะดีที่สุดค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *