อาการไข้หวัดในเด็ก เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พบเจอได้บ่อย โดยทั่วไปแล้วหากดูแลเรื่องอาหารการกิน การพักผ่อน และให้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ ใช้เวลาไม่นานก็จะหายกลับมาร่าเริงเป็นปกติ แต่ในเบบี๋บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น มีอาการหวัดเรื้อรัง เดี๋ยวไอ เดี๋ยวมีน้ำมูก บางครั้งก็มีไข้ เรียกได้ว่าสามวันดีสี่วันไข้
เบบี๋ร้องงอแง เป็นพฤติกรรมหนึ่งของวัยเด็กทารกซึ่งคุณแม่คุณพ่อมือใหม่ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยสาเหตุก็มีแตกต่างกันไป อาทิ ร้องเพราะหิว ร้องเพราะผ้าอ้อมเปียก ร้องเพราะร้อน ไปจนถึงร้องเพราะไม่สบาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องคอยสังเกตเจ้าตัวเล็กเพื่อจัดการปัญหาอย่างตรงจุดค่ะ
ช่วงนี้อากาศบ้านเราไม่ธรรมดาจริงๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก แถมบางวันมีลมหนาวในยามเช้า นอกจากทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยแล้ว หากใครเป็นภูมิแพ้ อากาศที่เปลี่ยนยังกระตุ้นให้เกิดอาการต่างๆ
“จมูก” ถือเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย วิธีหายใจที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น คือการหายใจผ่านรูจมูก ซึ่งสำคัญต่อการเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย
ความไม่สบายตัวหรือเจ็บป่วยถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เบบี๋มีอาการงอแง และเพราะเจ้าตัวเล็กไม่สามารถสื่อสารเป็นคำพูดเพื่อบอกเล่าถึงอาการที่เกิดขึ้น รวมถึงยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
“หวัด” ดูจะเป็นโรคที่ไม่น่าวิตกกังวลนัก เพราะใครๆ ก็เป็นกัน แต่สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกวัยเบบี๋แล้วย่อมเป็นเรื่องที่มองข้ามไปไม่ได้ แม้ทารกแรกเกิดจะไม่ค่อยเป็นหวัด เพราะมีภูมิต้านทานโรคหวัดที่ได้รับผ่านน้ำนมแม่
ในช่วงฤดูฝน พ่อแม่ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพเด็กเล็กเป็นพิเศษ เพราะเสี่ยงป่วยง่ายจากโรคติดต่อระหว่างเด็ก เช่น โรคมือ เท้า ปาก โรคไข้หวัดตามฤดูกาล
ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยมี 3 สายพันธุ์ A B C เมื่อเด็กได้รับเชื้อโรคนี้แล้วมักมีอาการคือ ไข้สูง มีน้ำมูก หายใจติดขัด ไอ ปวดศรีษะ ซึมและงอแงเป็นพิเศษ เบื่ออาหาร
เรื่องสุขอนามัยเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกับเด็กทารกที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ คุณแม่จึงต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด ยิ่งช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก ทำให้เบบี๋หลายรายมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เพื่อให้เบบี๋หายใจคล่องไม่งอแง แนะนำให้คุณแม่ “ล้างจมูก” ให้เจ้าตัวเล็กค่ะ