ถั่วช่วยเรื่องสุขภาพเพราะเต็มไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคเบาหวาน สารอาหารส่วนใหญ่เป็นไขมันซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่เข้มข้น ไขมัน 1 กรัมประกอบด้วย 9 แคลอรี่ ในขณะที่ 1 กรัมของคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีนมีเพียง 4 แคลอรี่
- วอลนัท: 183 แคลอรี่และไขมัน 18 กรัม
- ถั่วบราซิล: 184 แคลอรี่และไขมัน 19 กรัม
- อัลมอนด์: 161 แคลอรี่และไขมัน 14 กรัม
- เมล็ดถั่วพิสตาชิโอ: 156 แคลอรี่และไขมัน 12 กรัม
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์: 155 แคลอรี่และไขมัน 12 กรัม
ถั่วมีไขมันไม่อิ่มตัวส่วนใหญ่ ไขมันประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ แต่ความที่ว่าไขมันสูง เลยทำให้ถูกมองว่า กินแล้วอ้วน แต่ในทางตรงกันข้ามแล้ว ไม่ใช่นะคะ และนี่คือ เหตุผล 3 ข้อที่ทำให้ “ถั่ว” กลายเป็นอาหารลดอ้วนที่เพื่อนๆ ไม่ควรพลาด
1.ถั่วช่วยลดไขมันไม่ดี
การศึกษาเชิงสังเกตการณ์ขนาดใหญ่หลายแห่งพบว่า การบริโภคถั่วบ่อยครั้งมากขึ้นเกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวที่ลดลง และมีหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า ถั่วเป็นอาหารที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนักแต่กลับช่วยให้การลดน้ำหนักดีขึ้น นอกจากนี้ คนที่กินถั่วมีการปรับปรุงในระดับคอเลสเตอรอล ลดไขมันไม่ดี (LDL)
2.ถั่วลดความหิวและช่วยให้อิ่มนานขึ้น
การเพิ่มถั่วลงในอาหารนั้นเชื่อมโยงกับความหิวที่ลดลงและรู้สึกอิ่มนานขึ้น ในการศึกษาหนึ่งมีคนมากกว่า 200 คนถูกบอกให้กินถั่วลิสงเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร ผลก็คือพวกเขากินแคลอรี่น้อยลงในวันต่อมาตามธรรมชาติ ผลกระทบนี้มีมากขึ้นเมื่อกินถั่วลิสงเป็นของว่างมากกว่าอาหารมื้อหลัก กล่าวอีกนัยหนึ่งการกินถั่วเป็นของว่างเพิ่มความรู้สึกอิ่มซึ่งส่งผลให้กินอาหารอื่นน้อยลงนั่นเอง
3.กินถั่ว ช่วยเผาผลาญไขมัน
การกินถั่วอาจช่วยเพิ่มปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญได้ โดยการศึกษาหนึ่งพบว่า ผู้เข้าร่วมการศึกษาเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น 28% หลังจากกินมื้ออาหารที่มีวอลนัทมากกว่ามื้ออาหารที่มีไขมันจากแหล่งนม และมีอีกการศึกษาหนึ่งพบว่า การเสริมด้วยน้ำมันถั่วลิสงเป็นเวลา 8 สัปดาห์ส่งผลให้การเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มขึ้น 5% อย่างไรก็ตามพบได้เฉพาะในคนที่มีน้ำหนักเกิน
ทั้งนี้ เพื่อนๆ ไม่ควรกินเกิน เพราะหากกินเกินก็อาจเป็นการกินแคลอรี่เกินและคงไม่ส่งผลดีตอน้ำหนักและสุขภาพ โดยปริมาณที่แนะนำต่อวันคือ 28 กรัมค่ะ