การใช้ชีวิตในสังคมเมืองไม่ใช่ slow life อย่างที่เราๆ ท่านๆ มโนกันใน Facebook หรือ Instragram นั่งจิบกาแฟ ฟังเพลง ใน coffee shop เกร๋ๆ คงทำไม่ได้ทุกวัน เพราะชีวิตจริงของคนเมืองต่างรีบเร่งรีบร้อน จนมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ รอบตัวไป โดยเฉพาะคนตัวเล็กๆ ที่รวมกันอยู่เป็น “ครอบครัว”
จากการศึกษาวิจัยของนักวิชาการพบว่า คนเมืองมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาครอบครัวจากสาเหตุหลัก ต่อไปนี้
ไม่รู้ในบทบาทหน้าที่ในฐานะสมาชิกในครอบครัว
- ความไม่รู้และไม่เข้าใจหน้าที่ของตนเอง ว่าจะดูแลสมาชิกในครอบครัวได้ถูกต้องและเหมาะสม
- ไม่มีการวางเป้าหมายของครอบครัว
- วางเป้าหมายเพียงเรื่องการทำมาหากิน แต่ไม่มีการวางเป้าหมายชีวิตและการดูแลกัน ซึ่งปัจจัยของปัญหาที่เกิดขึ้นคือไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ทำให้ไม่รู้บทบาทครอบครัวของตนเอง
มีสัมพันธภาพในภาวะต่างคนต่างอยู่
- มีการช่วยเหลือกันน้อยลงจนถึงขั้นไม่ช่วยเหลือกันเลย
- ไม่มีที่ระบายหรือปรึกษาเรื่องครอบครัว ไม่เล่าเรื่องที่ตนเองพบอยู่ให้ครอบครัวฟัง
- ครอบครัวไม่ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา ด่าทอหยาบคาย ทำร้ายร่างกายและละเลยทอดทิ้ง ทำร้ายร่างกายตนเองและสมาชิกในครอบครัว
ไม่รู้จักจัดการเวลา
- ไม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัวสะท้อนว่าไม่มีเวลา ซึ่งส่งผลต่อสัมพันธภาพให้เห็นได้อย่างชัดเจน
ไม่รู้จักบริหารการเงิน
- รู้เรื่องการบริหารจัดการเงินปานกลางถึงน้อยมาก
- รายรับคนในเมืองน้อยกว่าหรือเท่ากับรายจ่าย
- ไม่มีการออมเงิน ที่มีเงินออมก็ไม่มั่นใจว่าเงินออมจะเพียงพอ เงินออมไม่เพียงพอหากเกิดภาวะฉุกเฉิน
- มีหนี้สิน เป็นหนี้เรื่องการใช้จ่าย ไม่มั่นใจว่าจะใช้หนี้หมด
- ดังนั้นการให้โอกาสการเรียนรู้การจัดการเงินจึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงการเงินที่รวดเร็ว ยิ่งจำเป็นต้องมีความรู้ในการตั้งสติเพื่อบริหารจัดการเงินของตนเองให้มีประสิทธิภาพ
เราจะเห็นได้ว่าการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวนั้น ความรักความเข้าใจกันเป็นสิ่งสำคัญ แต่นอกเหนือจากนั้นการวางแผนที่ดีในด้านต่างๆ ให้ครอบคลุมก็ยังเป็นตัวส่งเสริมให้ครอบครัวมั่นคงอีกด้วยนะคะ สมาชิกทุกคนจึงควรหันหน้าเข้าหากันและเริ่มต้นวางแผนครอบครัว เพื่อหลีกเลี่ยงปีญหาสะสมที่จะตามมาในอนาคตค่ะ