เพราะขาดความมั่นใจ รวมถึงมีค่านิยมผิด ๆ ที่ว่า “ขาว” แปลว่า “สวย” ทำให้หลายคนเสาะแสวงหาสารพัดวิธีที่จะช่วยให้ผิวขาวขึ้น โดยมองข้ามในเรื่องความปลอดภัยต่อสุขภาพ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ ว่า มีผู้กินหรือฉีดสารเร่งผิวขาว เช่น สารกลูตาไธโอน เกิดภาวะช็อกจนต้องหามส่งโรงพยาบาล
“กลูตาไธโอน” (Glutathione)
ในทางการแพทย์ใช้เพื่อรักษาโรคต่างๆ ได้แก่ โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ มะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นต้น โดยผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉีดกลูตาไธโอนจะมีสีผิวที่ขาวขึ้น เนื่องจากกลูตาไธโอนสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว
จึงมีผู้พยายามนำผลข้างเคียงของยามาใช้เพื่อทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่น่าเชื่อถือยืนยันประสิทธิภาพและประโยชน์ของกลูตาไธโอนในการทำให้ผิวขาวได้ผลหรือไม่!
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอนที่พบในท้องตลาดส่วนใหญ่นั้นเอยู่ในรูปยาเม็ดหรือผงละลายน้ำสำหรับรับประทาน ซึ่ง กลูตาไธโอนนี้สามารถถูกทำลายได้ในทางเดินอาหารของมนุษย์ ดังนั้นการหวังผลจากการรับประทานกลูตาไธโอนนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยบางรายกินต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ได้รับผลข้างเคียงจนทำให้ตัวซีด ตาเหลือง ท้องเสีย เอนไซม์ในตับสูง ฯลฯ ส่วนการฉีดกลูตาไธโอนเข้าหลอดเลือดดำนั้นทำให้มีการสะสมยาในร่างกายมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้อาทิ การติดเชื้อในกระแสเลือด
ทั้งนี้ การฉีดกลูตาไธโอนเข้าเส้นเลือดในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการช็อก ความดันต่ำ หายใจลำบากและเสียชีวิตได้ง่าย หรือใช้ในปริมาณมากติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะทำให้เม็ดสีที่ตาลดลง ตารับแสงได้น้อย มีผลต่อการมองเห็นในระยะต่อมา ส่วนการรับประทานสารกลูตาไธโอนแบบเม็ดหรือผง ก็ไม่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น เนื่องจากสารกลูตาไธโอน เป็นโปรตีนประเภทหนึ่ง เมื่อรับประทานเข้าไปภายในร่างกายจะเกิดการสลายตัวไปในทันทีเมื่อถูกกรดในกระเพาะอาหาร ร่างกายจึงไม่ได้มีการดูดซึม
ที่สำคัญ สารกลูตาไธโอนยังไม่มีการขึ้นทะเบียนตำรับยาในประเทศไทย หากพบการลักลอบจำหน่าย ถือว่า มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา มีโทษจำคุก และปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ