สมรภูมิมอดไหม้ที่แท้จริงต้องยกให้อากาศ ณ บัดนาวของเมืองไทยอย่างไม่ต้องสงสัย คือทั้งแดดแรง อากาศร้อนจัด แถมยังมีความชื้นสัมพัทธ์สูง ทำให้เหงื่อไม่สามารถระเหยพาความร้อนออกจากร่างกายได้ งานนี้เลยได้ของแถมที่ไม่ต้องการอีกอย่าง นั่นคือ กลิ่นไม่พึงประสงค์อันเนื่องมาจากการหมักหมมของเหงื่อในที่อับชื้นในส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีและรวดเร็ว
กลิ่นตัวเกิดได้จากอีกหลายๆ สาเหตุ แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากกลิ่นของเหงื่อไคลที่สะสมและรวมตัวกับเชื้อแบคทีเรียใต้วงแขนที่อุ่นและชื้น ทำให้กลายเป็นกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ยิ่งในช่วงหน้าร้อนโอกาสที่เหงื่อออกจะยิ่งมากกว่าช่วงอื่น ฉะนั้นควรดูแลตัวเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้เพื่อลดหรือป้องกันการเกิดกลิ่นตัว
- อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือมากกว่านั้น หากรู้สึกว่าร่างกายมีเหงื่อไคล ร้อนอบอ้าว โดยฟอกสบู่มากๆ ให้มั่นใจว่าสะอาดอย่างจริงจัง เน้นบริเวณรักแร้ รอบหัวนม อวัยวะสืบพันธุ์
- ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน ไม่ควรใส่ซ้ำควรสวมใส่เสื้อผ้าบางเบา หลวมๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกเน้นเส้นใยจากธรรมชาติอย่างคอตตอนและลินิน จะช่วยระบายอากาศได้ดีกว่าใยสังเคราะห์อย่างไนลอน
- ควรกำจัดขนรักแร้ เพราะว่าขนเหล่านี้จะเก็บกักความชื้นเหงื่อไคล สิ่งสกปรกต่างๆ ทำให้จำนวนแบคทีเรียบริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกลิ่นตัวรุนแรงได้
- ผลัดเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและซักเครื่องนอนอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อกำจัดกลิ่นเหงื่อไคลที่ติดค้างอยู่บนนั้น
- หลีกเลี่ยงอาหาร และผลไม้บางชนิด ที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม สะตอ ทุเรียน พริกป่น เนย ตับ ถั่ว ซึ่งเป็นแหล่งของสาร Trim ethylamine โดยจะถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อบริเวณต่อมApocrineส่งผลให้กลิ่นตัวฉุนมากขึ้น นอกจากนี้การรับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ หัวหอม เต้าเจี้ยว ผักชี แกงกะหรี่ แฮม ปลาทูน่า ฯลฯ รวมไปถึงอาหารที่มีรสจัดก็ล้วนแต่เป็นตัวบงการทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่มีวิตามินซี,อีเช่น แครอท ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ
- หากรู้ตัวว่าเป็นคนที่เหงื่อง่ายหรือออกมากอยู่แล้ว ก็ควรจะระวังอย่าให้เหงื่อออก งดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกรวมถึงเลือกอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทมากๆ
