โปรแกรม Intermittent Fasting ลดอ้วน อาจทำเสี่ยงเบาหวาน!

0

Intermittent Fasting Diets หรือที่หลายคนอาจรู้จักในชื่อ IF โปรแกรมเพื่อลดความอ้วนนั้นลดการทำงานของฮอร์โมนควบคุมน้ำตาลอินซูลินซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ตามข้อมูลที่นำเสนอในบาร์เซโลน่าที่ European Society of Endocrinology ประชุมประจำปี ECE 2018 ผลการวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า การอดอาหาร อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวและควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะเริ่มโปรแกรมการลดน้ำหนัก

Intermittent Fasting คือ…

การลดน้ำหนักรูปแบบใหม่ โดยมีหลักการคือสลับระหว่างช่วงเวลาที่กินและช่วงเวลาที่ไม่กิน โดยจะเน้นช่วงเวลาเป็นหลัก ไม่สนใจว่าอาหารที่กินเป็นอะไร ควรกินหรือไม่ ซึ่งช่วงเวลาที่จะกินและไม่กินนั้น ก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน – โดย Honestdocs.co

intermittent-fasting-may-cause-risk-diabetes

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคระบาดทั่วโลกที่กำลังเติบโตซึ่งมักเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารและวิถีชีวิตประจำที่ไม่ดี ดังนั้น จึงมีความเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับโรคอ้วน น้ำตาลในเลือดมีการควบคุมบางส่วนโดยฮอร์โมนอินซูลินซึ่งผลิตโดยตับอ่อนถ้าระดับอินซูลินอยู่ในระดับต่ำเกินไปหรือร่างกายจะทนต่อผลกระทบผลของเบาหวานชนิดที่ 2 และระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงรวมทั้งหัวใจ, ไตและความเสียหายของตา

นอกเหนือจากกลยุทธ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แล้วผู้ป่วยควรทราบว่า การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการรับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนัก อย่าง Intermittent Fasting Diets ที่ได้รับความนิยมทั่วไปสำหรับการลดน้ำหนัก แต่หลักฐานเกี่ยวกับความสำเร็จนั้นได้รับการขัดแย้งและมีการขาดความรู้และการอภิปรายเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเป็นอันตรายในระยะยาว

การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการอดอาหารในระยะสั้นสามารถผลิตโมเลกุลที่เรียกว่าอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสารเคมีที่มีปฏิกิริยาสูงซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายได้ที่เซลล์และอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของอวัยวะที่ผิดปกติความเสี่ยงต่อมะเร็ง

แบบนี้แล้วสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการลดน้ำหนัก ควรเลือกวิธีของการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่พอเหมาะ ออกกำลังกาย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ รวมทั้งนอนให้เพียง ไม่เครียด น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ

ที่มา: Could intermittent fasting diets increase diabetes risk? โดย European Society of Endocrinology, Sciencedaily.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *