น้ำหนักตัวมากเสี่ยง “โรครองช้ำ” ไม่ร้ายแรงแต่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน

0

อาการเจ็บที่ส้นเท้าจนลามไปทั่วฝ่าเท้า หรืออาจไปยังอุ้งเท้าด้วย เจ็บแบบปวดจี๊ดขึ้นมาและปวดแสบ ค่อยๆ เจ็บปวดทีละน้อย จนคิดว่าเดี๋ยวก็หาย แต่สุดท้ายจะกลับมาปวดอีก หากคุณมีอาการเหล่านี้ นั้นอาจแสดงว่าคุณป่วยด้วย “โรครองช้ำ” อันมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ ยืนนาน เดินนาน รวมถึงน้ำหนักตัวมาก

ข้อมูลจาก นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และโฆษก สธ. ระบุว่า…

ปัจจุบันโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ หรือ โรครองช้ำ เป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยจะพบมาในวัยทำงานที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวตัวมาก ผู้ที่ยืนนาน เดินนาน ผู้ที่ต้องยืนตลอดกะการทำงานทั้ง 8 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น

ตัวอย่างของอาชีพที่พบว่าป่วยด้วยโรครองช้ำกันมาก เช่น พนักงานขายของในห้างสรรพสินค้า พนักงานโรงงาน พยาบาลห้องผ่าตัด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมักพบอาการป่วยในผู้ที่สวมใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมเป็นประจำ เช่น รองเท้าที่ไม่มีพื้นบุรองส้นเท้า และผู้ที่มีอุ้งเท้าเท้าแบน หรือโก่งเกินไป

overweight-risk-to-be-plantar-fasciitis

โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบจะมีอาการปวดและกดเจ็บบริเวณส้นเท้า ในระยะแรกอาจเกิดอาการภายหลังการออกกำลังกาย เดิน หรือยืนนานๆ แต่ถ้าอาการมากขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดส้นเท้าอยู่ตลอดเวลา ลักษณะเฉพาะของโรคนี้ คือ เมื่อลุกขึ้นเดิน 2 – 3 ก้าวแรกหลังจากตื่นนอนในตอนเช้า หรือหลังจากนั่งพักขาเป็นเวลานาน จะรู้สึกเจ็บบริเวณส้นเท้า เนื่องจากเกิดการกระชากของเอ็นฝ่าเท้าที่อักเสบอย่างทันทีทันใด แต่เมื่อเดินไประยะหนึ่ง เอ็นฝ่าเท้าจะค่อยๆ ยืดหยุ่นขึ้น อาการเจ็บส้นเท้าจึงค่อยๆ ทุเลาลง

แม้โรครองช้ำนี้ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แต่หากเป็นแล้วจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งต้องใช้เวลาในรักษาเป็นระยะเวลานาน หากปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้รับการรักษาจนลุกลาม อาจทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ข้อต่อของสะโพกและบั้นเอวด้วยจากลักษณะการเดินที่ผิดไปจากอาการเจ็บส้นเท้า

เพื่อป้องกันโรคดังกล่าว ควรเลือกใช้รองเท้าที่ถูกลักษณะ มีตัวรองส้นที่นุ่ม พื้นไม่บางหรือแข็งเกินไป พร้อมลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ลดน้ำหนัก ไม่ยืน หรือเดินมากเกินไป นอกจากนี้ควรออกกำลังกายอย่างเหมาะสม มีการวอร์มอัพและยืดกล้ามเนื้อน่องหรือเอ็นร้อยหวายก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง

ฉะนั้นหากมีอาการปวดส้นเท้าผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสม ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา เพราะอาจลุกลามจนเกิดการอักเสบต่อส่วนอื่นๆ ได้ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *