ในขณะที่ปัจจุบันนี้พ่อแม่ยุคใหม่ต่างเลือกใช้แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์เสริมในการเลี้ยงลูก เพราะความที่แท็บเล็ตนั้นใช้งานได้ง่าย เด็กๆ ตัวน้อยตั้งแต่วัยเตาะแตะ หรือ 3 ขวบขึ้นไปก็สามารถใช้งานได้เพียงปลายนิ้วแตะๆ เขี่ยๆ

TIME นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกาได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการใช้แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนของเด็กไว้ได้น่าสนใจเชียวค่ะ 

เนื่องจากช่วงวัยดังกล่าวเป็นช่วงที่ต้องการการพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ นั่นจึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญเกิดความวิตกกังวล เพราะแม้แอปลพิเคชันเหล่านั้นจะเป็นแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าแอปพลิเคชันเหล่านั้สามารถช่วยพัฒนาทักษะของเด็กๆ ได้จริง?

บางครอบครัวถึงขนาดตั้งใจมอบให้เด็กๆ เป็นของขวัญโดยเฉพาะ ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอย่างบางรายตัดสินใจเปิดตัวแท็บเล็ตที่ออกแบบและผลิตเพื่อเยาวชนโดยเฉพาะ ในขณะที่ผู้ผลิตแท็บเล็ตอีกหลายๆ รายใส่ฟังก์ชัน Parent Control เพื่อให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งานของเยาวชนมากขึ้น

ณ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีผลการศึกษาใดที่ยืนยันว่าแท็บเล็ตสามารถช่วยพัฒนาทักษะของเด็กๆ ได้ แต่ที่แน่นอนคือ…

การใช้งานแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนทำให้เด็กๆ ขาดการพัฒนาสมองในแบบที่ของเล่นธรรมดาๆ หรือการพูดคุยกับผู้ใหญ่สามารถให้พวกเขาได้

ผู้เชี่ยวชาญและกุมารแพทย์บางท่านเชื่อว่า การอยู่หน้าจอแท็บเล็ต และโทรทัศน์มากไปส่งผลต่อความสามารถในการเข้าสังคมของเยาวชน โดย Dr. Dimitri Christakis กุมารแพทย์ ณ Seattle Children’s Hospital มองว่าเกมส์หรือแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษาบนแท็บเล็ตนั้น จะช่วยพัฒนาทักษะของเด็กๆ ได้ถ้าหากแอปพลิเคชันนั้นชักจูงให้เยาวชนทำกิจกรรมร่วม แต่หากแอปลพิเคชันนั้นๆ เป็นเพียงแค่การเปิดคลิปวิดีโอให้เด็กๆ ชม นั่นก็ทำให้แท็บเล็ตไม่ต่างจากโทรทัศน์

แม้ทางสถาบัน American Academy of Pediatrics นั้นจะกำหนดระยะเวลาการใช้งานแท็บเล็ตที่เหมาะสมของเยาวชนคือ 1-2 ชม.ต่อวัน แต่นักวิชาการบางท่านมองว่าเพียง 1 ชม. ก็เพียงพอแล้ว และที่สำคัญ ต้องไม่ให้แท็บเล็ตเข้ามามีบทบาทเหนือการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น หรือทำให้เด็กๆติดจนไม่ยอมหลับยอมนอน

เพราะการใช้งานแท็บเล็ตมากเกินไปอาจทำให้พัฒนาการด้านภาษาของลูกช้ากว่าปกติในกลุ่มเด็กเล็ก ส่วนกลุ่มเด็กโตอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถพัฒนาทักษะในการเข้าสังคมได้ดีเท่าที่ควรค่ะ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามผู้เชียวชาญบางกลุ่มก็เชื่อว่าแท็บเล็ตและแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษานั้นสามารถพัฒนาทักษะของเยาวชนได้จริง โดย Jill Buban คณบดีแห่ง Post University นั้นมองว่าการที่เด็กๆ ใช้งานแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษาบนแท็บเล็ตนั้นสามารถช่วยให้พวกเขาไม่กังวลใจในการเข้าเรียนในชั้นเรียนแรกของพวกเขา โดยเธอมองว่าการใช้แท็บเล็ตของเยาวชนนั้นไม่ควรเกิน 30 นาทีต่อวัน

ขณะเดียวกัน Scott Chambers, Senior vice president for digital content แห่ง Sesame Workshop ที่ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันในเครือกว่า 45 แอป และมี E-Book กว่า 160 เล่ม ได้บอกว่าแอปพลิเคชันบางอย่างของพวกเขาก็ส่งเสริมให้เยาวชนและผู้ปกครองทำกิจกรรมร่วมกัน

โดย Adam Cohen พ่อบ้านจากนิวยอร์คได้เผยว่าลูกชายของเขานั้นเริ่มเล่นแท็บเล็ตตั้งแต่แบเบาะ คือตั้งแต่อายุได้ราวๆ 18 เดือน ซึ่งปัจจุบันทักษะการอ่านของ Marc ลูกชายวัย 5 ปีนั้นเกือบเทียบเท่าเด็กประถมสอง ซึ่งเขาให้เครดิการพัฒนาทักษะลูกชายของเขาแก่ iPad

ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีสองด้านเสมอนะคะ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาเลือกใช้ด้านดีของอุปกรณ์เหล่านี้อย่างพอเหมาะเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่เด็กๆ ต้องการจากพ่อแม่มากที่สุดก็คือ ความรักความเอาใจใส่อย่าสม่ำเสมอนั่นเองค่ะ