3 ข้อตอบโจทย์ “เลือกโรงเรียนให้ลูก” ยังไงดีที่สุด

0

อาจจะเป็นไปได้ยากที่เราจะเจอโรงเรียนในฝันของลูกแบบที่ถูกใจเป๊ะ 100%  เพราะแต่ละโรงเรียนก็จะมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันออกไป   โรงเรียนที่จะตรงใจคุณแม่นั้น  คือ โรงเรียนที่สามารถตอบโจทย์ครอบครัวได้มากที่สุดค่ะ

 

3 ข้อตอบโจทย์  “เลือกโรงเรียนให้ลูก” ยังไงดีที่ (1)

3 ข้อตอบโจทย์  “เลือกโรงเรียนให้ลูก” ยังไงดีที่ (2)

 

ตอบโจทย์ตัวเองก่อนไปเลือกโรงเรียน

 

อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนประเภทไหน

โรงเรียนอนุบาลในปัจจุบันมีหลากหลายประเภท  ดังนี้ค่ะ

สาธิต  โรงเรียนซึ่งเป็นเสมือนห้องทดลองทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย  จึงได้รับการยอมรับใน

ด้านโครงสร้างการเรียนการสอนและเนื้อหาวิชาการ  ที่สำคัญ คือ สามารถเรียนต่อเนื่องได้ตั้งแต่อนุบาลจนมัธยมฯ และยังดูมีภาษีดีสำหรับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพราะหลักสูตรส่งเสริมกัน  แต่รองรับนักเรียนได้น้อยกว่าจำนวนผู้สมัครหลายเท่าค่ะ

คาทอลิก  โรงเรียนประเภทนี้โด่งดังเรื่องของสภาพแวดล้อมทางสังคม  เข้มงวดตั้งแต่เรื่องวิชาการ

ไปจนกระทั่งระเบียบวินัยมารยาทการวางตัวในสังคม  เพราะโดยมากเป็นโรงเรียนเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมของชนชั้นสูงมาแต่เดิม   นอกจากจะมีการสอบคัดเลือกตามระบบแล้ว  บางโรงเรียนยังมีการคัดกรองผู้ปกครองจากกลุ่มที่เป็นศิษย์เก่า และ/หรือ เป็นคริสต์ศาสนิกชนด้วย

สองภาษา ( Bilingual) / EP (English Program ) สองแบบนี้ต่างกันเล็กน้อย  สองภาษา คือ

โรงเรียนที่สอนสองภาษาหลักควบคู่กันไป เช่น ไทย-อังกฤษ, ไทย-จีน เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ในบ้านเรามักจะเป็นแบบไทย-อังกฤษ ซึ่งก็คือ  EP นั่นเอง การเรียนการสอนจะเป็นตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ แต่เรียนวิชาหลักๆ เป็นภาษาอังกฤษควบคู่กันไปตามสัดส่วนของแต่ละโรงเรียนจะกำหนด โรงเรียนแนวนี้กำลังได้รับความนิยมสำหรับคุณแม่ที่อยากให้ลูกเรียนตามระบบการศึกษาไทย  สังคมและวัฒนธรรมไทยๆ แต่ได้ภาษาอังกฤษ

นานาชาติ   แน่นอนว่าเรื่องความได้เปรียบของการใช้ภาษาอังกฤษมาเป็นอันดับแรก  แต่อาจมี

ข้อจำกัดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องของสังคมและวัฒนธรรมไทย  แต่ถ้าครอบครัวเข้มงวดไม่ปล่อยปละละเลยก็จะเติมจุดด้อยได้ไม่ยาก โดยเฉพาะถ้ามีเป้าหมายให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ตัวเลือกนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ตรงที่สุด  แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงมากค่ะ

เอกชนทั่วไป สอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ แต่สถานที่ สภาพแวดล้อม อุปกรณ์การ

เรียนการสอนและการดูแลเด็กอาจจะดีกว่าโรงเรียนรัฐบาล  ข้อดีอีกอย่างหนึ่ง คือ มีให้เลือกหลายแห่งในเขตพื้นที่เดียวกัน นอกจากนี้ปัจจุบันบางแห่งยังพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้น่าสนใจไม่แพ้โรงเรียนชั้นนำในราคาสมเหตุสมผล

รัฐบาล มีหลากหลายทั้งสถานที่  สภาพแวดล้อม  และการเรียนการสอน  แต่อาจจะแตกต่างอย่าง

ชัดเจนเรื่องของจำนวนนักเรียนต่อห้องที่มากกว่าโรงเรียนเอกชนทั่วไป  แต่สำหรับข้าราชการหรือผู้ที่มีสิทธิ์เบิกค่าสนับสนุนทางการศึกษาต่างๆ ตามระเบียบของรัฐได้เต็มจำนวน ก็ไม่เสียหายนะคะ ถ้าจะหาตัวเลือกเซฟเงินในกระเป๋า  ยิ่งถ้าเลือกโรงเรียนใกล้บ้านแล้วด้วย  ก็จะลดภาระค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเชียวค่ะ

โรงเรียนทางเลือก เน้นปลูกฝังทักษะชีวิตด้านต่างๆ    เรียนรู้สังคมผ่านธรรมชาติ    สอนการเรียนรู้

นอกห้องเรียน   เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีเวลาสนับสนุนการเรียนรู้ของลูกอย่างเต็มที่  แต่ควรมีการวางแผนด้านการศึกษาของลูกแบบระยะยาว  เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อลูกต้องเข้าสู่การเรียนระบบปกติในระดับที่สูงขึ้น

 

สะดวกในการเดินทางและการรับ-ส่งหรือไม่

ข้อนี้เรียกได้ว่า สำคัญไม่แพ้การเลือก

โรงเรียนเลยทีเดียว  เพราะถึงแม้คุณแม่จะเจอโรงเรียนถูกใจ  แต่อยู่ไกลบ้าน  รับ-ส่งลำบาก เชื่อว่าทั้งลูกและตัวคุณแม่เองคงไม่มีความสุขแน่  ถ้าจะต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง  แต่งตัวป้อนข้าวในรถ ใช้เวลาอยู่บนถนนมากกว่าสวนหน้าบ้าน  เร่งรีบตลอดเวลา  เลิกเรียนก็ต้องปล่อยลูกรออยู่โรงเรียนจนเย็นเพราะฝ่าการจราจรไปรับไม่ทัน  กว่าจะกลับถึงบ้านก็หมดแรง

 

สถานภาพทางการเงินเหมาะสมกับโรงเรียนประเภทไหน

 การศึกษา คือ การลงทุน

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงจะดีที่สุดเสมอไป  คุณแม่ควรมีการวางแผนทางการเงินด้านการศึกษาของลูกแบบระยะยาว  ตามความเหมาะสมของครอบครัว  อย่าเริ่มต้นแบบลำบากตัวเองเพื่อลูก แล้วสุดท้ายไปไม่ถึงปลายทาง  เพราะตัวคุณเองก็จะเครียด  ส่วนลูกก็จะเกิดความสับสน มีปัญหาเรื่องการปรับตัว  หากเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง สำหรับใครที่พร้อมด้านการเงินอยู่แล้ว ก็พิจารณาปัจจัยข้ออื่นๆ ตามความเหมาะสมได้เลยค่ะ

 

แค่ตอบคำถาม 3 ข้อนี้กับตัวเองได้  คราวนี้คุณแม่ก็สามารถเลือกโรงเรียนให้ตรงใจได้ไม่ยากแล้วล่ะค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *