อาจจะเป็นไปได้ยากที่เราจะเจอโรงเรียนในฝันของลูกแบบที่ถูกใจเป๊ะ 100% เพราะแต่ละโรงเรียนก็จะมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันออกไป โรงเรียนที่จะตรงใจคุณแม่นั้น คือ โรงเรียนที่สามารถตอบโจทย์ครอบครัวได้มากที่สุดค่ะ
ตอบโจทย์ตัวเองก่อนไปเลือกโรงเรียน
อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนประเภทไหน
โรงเรียนอนุบาลในปัจจุบันมีหลากหลายประเภท ดังนี้ค่ะ
สาธิต โรงเรียนซึ่งเป็นเสมือนห้องทดลองทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย จึงได้รับการยอมรับใน
ด้านโครงสร้างการเรียนการสอนและเนื้อหาวิชาการ ที่สำคัญ คือ สามารถเรียนต่อเนื่องได้ตั้งแต่อนุบาลจนมัธยมฯ และยังดูมีภาษีดีสำหรับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพราะหลักสูตรส่งเสริมกัน แต่รองรับนักเรียนได้น้อยกว่าจำนวนผู้สมัครหลายเท่าค่ะ
คาทอลิก โรงเรียนประเภทนี้โด่งดังเรื่องของสภาพแวดล้อมทางสังคม เข้มงวดตั้งแต่เรื่องวิชาการ
ไปจนกระทั่งระเบียบวินัยมารยาทการวางตัวในสังคม เพราะโดยมากเป็นโรงเรียนเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมของชนชั้นสูงมาแต่เดิม นอกจากจะมีการสอบคัดเลือกตามระบบแล้ว บางโรงเรียนยังมีการคัดกรองผู้ปกครองจากกลุ่มที่เป็นศิษย์เก่า และ/หรือ เป็นคริสต์ศาสนิกชนด้วย
สองภาษา ( Bilingual) / EP (English Program ) สองแบบนี้ต่างกันเล็กน้อย สองภาษา คือ
โรงเรียนที่สอนสองภาษาหลักควบคู่กันไป เช่น ไทย-อังกฤษ, ไทย-จีน เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ในบ้านเรามักจะเป็นแบบไทย-อังกฤษ ซึ่งก็คือ EP นั่นเอง การเรียนการสอนจะเป็นตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ แต่เรียนวิชาหลักๆ เป็นภาษาอังกฤษควบคู่กันไปตามสัดส่วนของแต่ละโรงเรียนจะกำหนด โรงเรียนแนวนี้กำลังได้รับความนิยมสำหรับคุณแม่ที่อยากให้ลูกเรียนตามระบบการศึกษาไทย สังคมและวัฒนธรรมไทยๆ แต่ได้ภาษาอังกฤษ
นานาชาติ แน่นอนว่าเรื่องความได้เปรียบของการใช้ภาษาอังกฤษมาเป็นอันดับแรก แต่อาจมี
ข้อจำกัดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องของสังคมและวัฒนธรรมไทย แต่ถ้าครอบครัวเข้มงวดไม่ปล่อยปละละเลยก็จะเติมจุดด้อยได้ไม่ยาก โดยเฉพาะถ้ามีเป้าหมายให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ตัวเลือกนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ตรงที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงมากค่ะ
เอกชนทั่วไป สอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ แต่สถานที่ สภาพแวดล้อม อุปกรณ์การ
เรียนการสอนและการดูแลเด็กอาจจะดีกว่าโรงเรียนรัฐบาล ข้อดีอีกอย่างหนึ่ง คือ มีให้เลือกหลายแห่งในเขตพื้นที่เดียวกัน นอกจากนี้ปัจจุบันบางแห่งยังพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้น่าสนใจไม่แพ้โรงเรียนชั้นนำในราคาสมเหตุสมผล
รัฐบาล มีหลากหลายทั้งสถานที่ สภาพแวดล้อม และการเรียนการสอน แต่อาจจะแตกต่างอย่าง
ชัดเจนเรื่องของจำนวนนักเรียนต่อห้องที่มากกว่าโรงเรียนเอกชนทั่วไป แต่สำหรับข้าราชการหรือผู้ที่มีสิทธิ์เบิกค่าสนับสนุนทางการศึกษาต่างๆ ตามระเบียบของรัฐได้เต็มจำนวน ก็ไม่เสียหายนะคะ ถ้าจะหาตัวเลือกเซฟเงินในกระเป๋า ยิ่งถ้าเลือกโรงเรียนใกล้บ้านแล้วด้วย ก็จะลดภาระค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเชียวค่ะ
โรงเรียนทางเลือก เน้นปลูกฝังทักษะชีวิตด้านต่างๆ เรียนรู้สังคมผ่านธรรมชาติ สอนการเรียนรู้
นอกห้องเรียน เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีเวลาสนับสนุนการเรียนรู้ของลูกอย่างเต็มที่ แต่ควรมีการวางแผนด้านการศึกษาของลูกแบบระยะยาว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อลูกต้องเข้าสู่การเรียนระบบปกติในระดับที่สูงขึ้น
สะดวกในการเดินทางและการรับ-ส่งหรือไม่
ข้อนี้เรียกได้ว่า สำคัญไม่แพ้การเลือก
โรงเรียนเลยทีเดียว เพราะถึงแม้คุณแม่จะเจอโรงเรียนถูกใจ แต่อยู่ไกลบ้าน รับ-ส่งลำบาก เชื่อว่าทั้งลูกและตัวคุณแม่เองคงไม่มีความสุขแน่ ถ้าจะต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง แต่งตัวป้อนข้าวในรถ ใช้เวลาอยู่บนถนนมากกว่าสวนหน้าบ้าน เร่งรีบตลอดเวลา เลิกเรียนก็ต้องปล่อยลูกรออยู่โรงเรียนจนเย็นเพราะฝ่าการจราจรไปรับไม่ทัน กว่าจะกลับถึงบ้านก็หมดแรง
สถานภาพทางการเงินเหมาะสมกับโรงเรียนประเภทไหน
‘การศึกษา คือ การลงทุน’
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงจะดีที่สุดเสมอไป คุณแม่ควรมีการวางแผนทางการเงินด้านการศึกษาของลูกแบบระยะยาว ตามความเหมาะสมของครอบครัว อย่าเริ่มต้นแบบลำบากตัวเองเพื่อลูก แล้วสุดท้ายไปไม่ถึงปลายทาง เพราะตัวคุณเองก็จะเครียด ส่วนลูกก็จะเกิดความสับสน มีปัญหาเรื่องการปรับตัว หากเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง สำหรับใครที่พร้อมด้านการเงินอยู่แล้ว ก็พิจารณาปัจจัยข้ออื่นๆ ตามความเหมาะสมได้เลยค่ะ
แค่ตอบคำถาม 3 ข้อนี้กับตัวเองได้ คราวนี้คุณแม่ก็สามารถเลือกโรงเรียนให้ตรงใจได้ไม่ยากแล้วล่ะค่ะ