ซื้อความเสี่ยงให้เจ้าตัวซนด้วย “ประกันสุขภาพเด็ก”

0

เมื่อพูดถึงประกัน หลายคนมักพุ่งเป้าไปยังกลุ่มวัยทำงานที่เป็นเสาหลักของครอบครัวหรือวัยชราที่มักเจ็บป่วยบ่อย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะวัยไหน ก็มีความจำเป็นต้องทำประกันไว้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาสุขภาพ หรืออุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง ว่าแล้วมาทำความรู้จัก “ประกันสุขภาพเด็ก” กันค่ะ

ประกันสำหรับเด็กนั้นก็มีทั้งประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต ซึ่งประกันแต่ละรูปแบบย่อมให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ในที่นี้จะขอโฟกัสเฉพาะ “ประกันสุขภาพเด็ก” ซึ่งก็คือ ประกันสุขภาพที่พ่อแม่ ทำเพื่อความคุ้มครองเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของลูก ซึ่งมักเป็นครอบครัวที่มีเด็กอายุ 0 – 15 ปี 

โดยความคุ้มครองจากการทำประกันสุขภาพสามารถเลือกซื้อได้ทั้งคนไข้นอกและคนไข้ใน สำหรับการซื้อประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาคนไข้นอกนั้น เวลาพาลูกไปหาหมอแบบไม่ต้องเข้าพักที่โรงพยาบาลเราก็สามารถนำใบเสร็จพร้อมใบรับรองแพทย์ไปเบิกประกัน

ส่วนการทำประกันสุขภาพที่เป็นแบบคนไข้ในนั้น ความคุ้มครองก็จะประกอบด้วย ค่าห้องและค่าอาหาร, ค่าบริการทั่วไป, ค่าใช้จ่ายในกรณีที่มีการรักษาพยาบาลฉุกเฉินหลังการเกิดอุบัติเหตุ, ค่าใช้จ่ายสำหรับแพทย์เยี่ยมไข้, ค่ารักษาทางการแพทย์ต่างๆ โดยที่การเข้ารักษาตัวแต่ละครั้งก็จะขึ้นอยู่กับวงเงินประกันว่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน

หลักการเลือกประกันสุขภาพให้เจ้าตัวซน

child_health_insurance

  1. สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ ประกันสุขภาพเด็กมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการทำประกันให้ลูกแบบไหน แนะนำให้เลือกทำประกันที่ให้สิทธิประโยชน์ตรงกับความต้องการจะดีที่สุด
  2. อย่าลืมเปรียบเทียบประกัน เพื่อให้ได้ประกันสุขภาพเด็กที่มีราคาถูกและตรงกับความต้องการมากที่สุด รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ให้ลองเปรียบเทียบประกันหลายๆ ประกันดู เพื่อเช็คราคาและความคุ้มค่าด้วย
  3. ความน่าเชื่อถือของบริษัท การทำประกันเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและต้องศึกษาข้อมูลพอสมควร ฉะนั้น บริษัทที่เราจะตกลงทำประกันด้วย จะต้องมีความน่าเชื่อถือและไม่เคยมีประวัติในด้านลบมาก่อน
  4. เบี้ยประกัน ควรเลือกประกันของลูกที่มีเบี้ยประกันสัมพันธ์กับความสามารถในการจ่ายของเรา กล่าวคือ เมื่อจ่ายเบี้ยประกันให้ลูกแล้วจะต้องไม่เกิดปัญหาการเงินตามมานั่นเอง ฉะนั้นต้องคำนวณให้ถี่ถ้วน

การทำประกันจึงเป็นเสมือนการซื้อความเสี่ยง แม้จะซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ก็อย่ามองว่าไม่คุ้มค่า เพราะการที่ลูกน้อยไม่เจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุย่อมถึงเป็นโชคดีที่สุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *