คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า “โรคเส้นเลือดในสมองแตก” เป็นโรคที่พบในวัยผู้ใหญ่ และเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับวัยเด็ก แต่แท้จริงแล้วโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในเด็กเช่นกัน หากพบว่าเด็กปวดศีรษะมาก คลื่นไส้ อาเจียน แขนขาอ่อนแรง อย่านิ่งนอนใจ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเส้นเลือดในสมองแตก!
ข้อมูลจาก นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า โรคเส้นเลือดในสมองแตก เกิดจากความดันโลหิตสูง เป็นภาวะที่สมองขาดเลือด เนื่องจากหลอดเลือดตีบตัน อุดตัน จนหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลายจนทำให้การทำงานของสมองหยุดชะงัก
โดยอาจพบอาการปวดศีรษะเป็นพักๆ แล้วหายไป ซึ่งความรุนแรงของเลือดที่ออกในสมองขึ้นอยู่กับตำแหน่งของความผิดปกติที่พบ หากเป็นความผิดปกติของสมองที่อยู่ด้านบน จะมีอาการปวดศีรษะ แขนขาอ่อนแรง หรือมีอาการชัก ถ้าปวดบริเวณท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งเป็นบริเวณที่ใกล้กับก้านสมอง จะมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน และหมดสติ ส่งผลให้เสียชีวิตได้
โรคเส้นเลือดในสมองแตกส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับวัยผู้ใหญ่ และสามารถเกิดขึ้นได้ในเด็กเช่นกัน แต่มีโอกาสพบได้น้อยมาก อาการที่พบมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ เนื่องจากอาจมีเส้นเลือดผิดปกติ หรือภาวะเลือดออกในสมองจากการที่เส้นเลือดเจริญเติบโตผิดปกติ
โรคเส้นเลือดในสมองแตกในเด็ก เกิดจากความผิดปกติใน 3 ระบบ ได้แก่
- เส้นเลือดผิดปกติในสมองแล้วแตกเอง ซึ่งสามารถพบได้น้อย
- ภาวะที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด หรือกลุ่มโรคทางพันธุกรรม ฮีโมฟีเลีย หรือ โรคเลือดไหลไม่หยุด ทำให้มีอาการเลือดออกง่ายและหยุดยาก
- ภาวะที่สมองได้รับการกระทบกระเทือนจนเส้นในสมองฉีกขาด เช่น โยก โยน จับสั่น เขย่าแรงๆ อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกในสมองได้
สำหรับวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น สามารถสังเกตอาการได้จากบริเวณศีรษะของเด็ก ถ้ากระหม่อมบวมตึง ร้องกวนมากกว่าปกติ ทานนมได้น้อย ปวดศีรษะ ซึมลง คลื่นไส้ อาเจียน ควรให้ทานยาแก้ปวด และให้นอนพัก โดยหมั่นสังเกตอาการเป็นระยะๆ ถ้าเด็กยังมีอาการปวดศีรษะควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยต่อไป
ทั้งนี้ หากเป็นกลุ่มเด็กที่เป็นโรคฮีโมฟีเลีย ถ้ามีอาการปวดศีรษะหรือได้รับการกระแทกเพียงเล็กน้อย ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์โดยด่วน