สุขภาพช่องปากของลูกรักเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องใส่ใจอย่างมากค่ะ เพราะปัญหาฟันผุหลายซี่ในปาก มีความสัมพันธ์กับภาวะเตี้ย แคระแกร็น ส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการล่าช้า เพราะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จากการไม่อยากเคี้ยวอาหาร ดังนั้น ฟันที่ดีจึงถือเป็นประตูด่านแรกที่ทำให้ได้เด็กที่สุขภาพดีสมส่วน
จากการสำรวจโดยกรมอนามัย พบว่า…
เด็กไทยมีปัญหาฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน และจะผุมากขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงอายุ 1 – 3 ขวบ
นอกจากนี้ ข้อมูลสุขภาพช่องปากคนไทยปี 2555 พบว่า…
เด็กอายุ 3 ปี มีปัญหาฟันผุ ร้อยละ 51.7 หรือมีฟันผุเฉลี่ย 2.7 ซี่ต่อคน ในขณะที่เด็กอายุ 5 ปี มีปัญหาฟันผุ ร้อยละ 78.5 หรือมีฟันผุเฉลี่ย 4.4 ซี่ต่อคน
ถือว่าน่าเป็นห่วงทีเดียว สำหรับสถานการณ์ฟันผุในเด็กไทย ทั้งนี้ ในเด็กที่มีฟันน้ำนมผุมากจะมีแนวโน้มว่าฟันแท้จะผุมากขึ้นตามไปด้วย หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที โรคจะลุกลามและเสียฟันในที่สุด
ช่องปากจะมีสุขภาพดีได้ แปรงสีฟันถือเป็นเครื่องมือสำคัญ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ผู้ปกครองควรเลือกตามช่วงอายุของเด็กเพื่อความเหมาะสม โดยจะแบ่งเป็นแปรงสีฟันสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี แปรงสีฟันเด็กอายุ 3 – 6 ปี และแปรงสีฟันเด็กอายุ 6 – 12 ปี โดยแปรงจะต้องมีขนนุ่ม ไม่ขรุขระ กระจุกแปรงยึดติดกับหัวแปรงแน่นไม่หลุดร่วงง่าย และที่สำคัญ แปรงสีฟันที่เลือกควรเป็นแปรงที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานกรมอนามัย ซึ่งจะมีตราสัญลักษณ์เป็นรูปดาว
การแก้ปัญหาเรื่องช่องปาก ต้องเริ่มจากผู้ปกครองเป็นหลัก ที่ต้องใส่ใจดูแลอย่างใกล้ชิด สอนให้รู้จักการใช้แปรงสีฟันที่ถูกวิธี และใช้แปรงสีฟันที่มีคุณภาพมาตรฐานตั้งแต่เด็ก
สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 8 ปี ผู้ใหญ่ยังจำเป็นต้องแปรงฟันให้ เพราะเด็กยังมีพัฒนาการในการใช้มือไม่ดีพอ ถ้าเด็กมีความพร้อมดีก็จะสามารถแปรงฟันด้วยตนเองได้ สังเกตได้จากการที่เด็กผูกเชือกรองเท้าเป็น ผูกโบว์เองได้ หรือสามารถจับดินสอเขียนหนังสือได้ ก็แสดงว่าเด็กสามารถใช้มือแปรงฟันได้ ควรสอนการแปรงฟันที่ถูกวิธีให้เด็กอย่างใกล้ชิด
แม้ว่าเด็กจะแปรงฟันเองได้แล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรตรวจดูความสะอาดในการแปรงฟันของเด็กทุกครั้ง เพราะหากมองข้ามแม้จุดเล็กๆ ก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพฟันของลูกรักวัยซนได้ค่ะ