การแต่งงานเป็นภารกิจหนึ่งของชีวิตคู่ จะมีปัญหาต่างๆ กันหลากหลายรูปแบบมาให้ทั้งคู่หัดคิดแก้ปัญหา อยู่คนเดียว คิดคนเดียวหลายครั้งสู้คน 2 คนช่วยกันไม่ได้ มันเท่ากับเป็นภาพสะท้อนของคน 2 คนที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน ถ้าเป็นทีมทำงานที่ดี ถึงแม้ว่าความรักจืดจางไปแล้ว ก็ยังสามารถช่วยกันแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าทีมหมดใจต่อกันแล้วและทำงานร่วมกันก็มีปัญหา จึงเป็นเรื่องยากที่จะไปต่อ
หลายครั้งที่การไม่ลงรอยกันของพ่อแม่กลับทำให้เกิดผลเสียหายกับเด็กมากกว่าการแยกจากกัน แต่ก็มีหลายคู่ที่ยึดความรู้สึกของเด็กเป็นพื้นฐานการตัดสินใจ
ปัจจุบัน มีเด็กที่ครอบครัวหย่าร้างตามกฎหมายกว่าร้อยละ 25 และที่พ่อแม่ลูกต้องแยกจากกันอีกมาก ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กมักมิได้เกิดจากการที่พ่อแม่แยกกัน แต่อยู่ที่พ่อแม่สามารถคงความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กได้หรือไม่
แม้ไม่ได้ทำร้ายเด็กทางอ้อมโดยเอาเด็กเป็นพวก หรือแย่งยื้อเด็กโดยไม่สนใจความรู้สึกมากกว่า คุณภาพในการเลี้ยงดู ความเอาใจใส่ และความเข้าใจของคนที่อยู่กับเด็กจึงมีความสำคัญมากกว่าการหย่าหรือไม่หย่า
เราจะเห็นได้ว่าปัจจุบันหลายๆ ครอบครัวที่แยกทางกัน ต่างก็ช่วยเหลือเอื้ออาทร ผลัดเปลี่ยนกันดูแลลูก เติมเต็มจนลูกมีความสุขยิ่งกว่าตอนพ่อกับแม่ยังอยู่ด้วยกันเสียอีก เพราะเมื่อลูกอยู่กับใคร คนนั้นก็จะดูแลใส่เป็นอย่างดีให้คุ้มค่ากับเวลาที่มีสิทธ์เลี้ยงดู และในขณะเดียวกันเมื่อลูกต้องอยู่กับอีกฝ่าย ก็สามารถมีเวลาส่วนตัว แบ่งเวลาไปทำงาน ท่องเที่ยว หลายต่อหลายอย่างที่อยากทำได้
ดังนั้น การแยกทาง หย่าร้าง เป็นสิ่งที่คุณสามารถพูดคุยและทำความเข้าใจกับลูกได้ ตราบใดที่ความรักและการดูแลเอาใจใส่ต่อลูกของคุณทั้งสองยังเต็มร้อยเหมือนเดิมค่ะ