โดยปกติแล้วคนที่คบกันมักจะคุ้นเคยกับพฤติกรรมและลักษณะบางประการของคู่เรา จึงทำให้รับรู้ความผิดปกติของคนรักได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลายที่มีสัญชาตญาณไวกว่า Hi speed internet เสียอีก โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือที่เป็นสัญญาณให้เราสามารถสังเกตได้ว่า ที่รักขาชักจะยังไงๆ ซะแล้ว
มีเบอร์ไม่บันทึกชื่อ เบอร์เดิมๆ โทรมาบ่อยๆ
ถ้ามองเผินๆ คุณอาจไม่ได้สังเกต เพราะเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกชื่อมักเป็นเบอร์จรที่ไม่สำคัญ แต่นั่นล่ะค่ะ คือวิธีที่จะทำให้สืบค้น หรือสังเกตได้ยาก และเบอร์ผิดปกติเหล่านี้มักจะถูกโทรเข้าโทรออกหากันในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่บ้าน ออกไปเที่ยว หรือเป็นช่วงดึกดื่นที่คุณอาจจะหลับไปแล้ว
ลบประวัติการโทร
โทรศัพท์มือถือแต่ละรุ่นจะจำกัดการแสดงผลความจำรายการโทรที่แน่นอน เช่น 20 – 30 รายการ เมื่อเราใช้โทรศัพท์ รายการล่าสุดก็จะถูกบันทึกไว้ ทดแทนรายการสุดท้ายที่จะหายไปเรื่อยๆ ตามลำดับ หากมือถือของเขาสามารถแสดงรายการได้ 20 หมายเลข แต่แสดงรายการการโทรเข้า-ออกไม่ถึง 20 แสดงว่ามีการลบบางรายการออกไปได้ ถ้าเจอแบบนี้บ่อยๆ ก็ผิดวิสัยของคนใช้โทรศัพท์แล้วล่ะค่ะ
พกไว้ใกล้ตัวตลอดๆ
ทั้งๆ ที่อยู่บ้านก็ยังแอบใส่กระเป๋าหรือเหน็บเอว อันนี้ผิดปกติแน่ๆ ค่ะ เพราะธรรมชาติของคน เมื่อกลับถึงบ้านจะต้องถอดวางทุกสิ่งอย่างเพื่อให้สบายตัว ไม่มีใครอยากพกโทรศัพท์ใส่กระเป๋าตลอดเวลาให้ลำบากหรอกค่ะ
ไม่ค่อยวางทิ้งไว้
คนที่มี something มักจะไม่เสี่ยงที่จะวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ เพราะกลัวเราจะไปเปิดเล่น กลัวข้อความเข้าผิดที่ผิดเวลา
เอาเข้าห้องน้ำด้วย
เวลาเข้าห้องน้ำจะเอาเข้าไปด้วยเสมอ แกล้งเอาไปเปิดเพลงฟังบ้าง อ้างว่าเล่นเกม เปิดเฟส หรือบางทีก็เข้าห้องน้ำบ่อยๆ เพื่อไปตอบข้อความ
จู่ๆ ก็หายไปพร้อมมือถือ
บางทีอยู่บ้าน แต่คุณหาตัวไม่เจอ พอกลับมาก็อ้างว่าไปเดินเล่นหรือเก็บของอยู่ตรงนั้นตรงนี้ เดินห้างด้วยกันก็ขอแยกไปทำธุระ ขอไปดูโน่นดูนี่ แบบนี้น่าสงสัยค่ะ
วางคว่ำหน้า (มักจะเปิดโหมดสั่น ปิดเสียง)
ธรรมชาติคนเรามักจะวางมือถือหงายหน้าขึ้นเพราะกลัวหน้าจอเป็นรอย แต่ถ้าหากคุณนั่งทานข้าวด้วยกัน นั่งอยู่ในรถ หรือเขาวางไว้ที่บ้านแบบนี้บ่อยๆ จนสังเกตได้ละก็ มีเรื่องปกปิดชัวร์ค่ะคุณขา
เปิดโหมดเครื่องบินหรือโหมด sleep
หากต้องใช้เวลาร่วมกันเมื่ออยู่บนรถ อยู่บ้าน ทานข้าวในร้านอาหาร แล้วเขาวางมือถือทิ้งไว้แบบไม่ยี่หระ แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งเสียงข้อความ สายโทรเข้า แต่มักจะเปิดเช็กบ่อยๆ ลองสังเกตดูนะคะว่า เขาเปิดโหมดที่ว่าไว้หรือเปล่า เพราะหากเป็นเช่นนั้น เขาอาจกำลังสกัดกั้นการติดต่อทุกอย่างที่จะมีเข้ามาระหว่างใช้เวลากับคุณ เพื่อป้องกันตัวเองแน่ๆ เลย!!
ใส่ password
สมาร์ทโฟนหลายยี่ห้อส่วนใหญ่จะสามารถใส่รหัสป้องกันได้ บางรุ่นใช่ระบบสแกนลายนิ้วมือเลยทีเดียว และไม่ใช่เฉพาะการใส่รหัสการใช้มือถือเท่านั้น บางทีอาจเลือกใส่เฉพาะแอปพลิเคชั่นบางอย่างเช่น Line Instragram Facebook ได้อีกด้วย ลองถ้าป้องกันกันขนาดนี้ ต้องมีเคลียร์ค่ะ หึ่ม!!
แหม… ที่มาบอกกันขนาดนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะให้ไปนั่งจับผิดกันนะคะ แต่เพื่อเป็นแนวทางให้สังเกตสิ่งผิดปกติ เพื่อจะได้แก้ตัว เอ้ย! แก้ปัญหาได้ทันท่วงที ตัดไฟกันแต่ต้นลมก่อนจะลุกลามไปไกล เพื่อความรักความสัมพันธ์ที่ราบรื่น สดใส ยั่งยืนนานนะคะคุณขา แม่นุ่นเป็นกำลังใจให้ค่ะ