เด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน มักจะประสบปัญหาในการใช้ชีวิตเพราะขาดคนประคับประคอง โดยเฉพาะในกรณีที่พ่อแม่ต่างแยกย้ายกันไปมีชีวิตใหม่ ทำให้เด็กกลุ่มนี้เคว้งขวางขาดความมั่นใจในการดำเนินชีวิต
ดังนั้นคนที่ทำหน้าที่ดูแลเด็ก ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือญาติพี่น้องจึงควรต้องเสริมสร้างความมั่นใจให้เด็กสามารถเข้มแข็ง และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างราบรื่นค่ะ ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ควรเสริมสร้างให้ลูกค่ะ
ความนับถือตนเอง
เป็นความเชื่อมั่นในตัวเองที่เกิดจากการได้รับการยอมรับจากครอบครัว รู้สึกได้ถึงความรักจากพ่อแม่หรือคนที่มีความสำคัญในชีวิต แม้ในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน เด็กยังสามารถรับรู้ได้ถึงความรักและเชื่อมโยงตนเองกับพ่อแม่ได้ พ่อและแม่ควรสื่อสารกับลูกต่อเนื่อง แม้จะแยกทางกันแล้ว
หากใครช่วยอุปการะเด็กที่พ่อแม่แยกทางกัน การสื่อสารกับเด็กเป็นระยะเพื่อให้เขามั่นใจว่า แม้พ่อแม่จะไม่ได้อยู่กับเขา แต่ทุกคนยังคงมีความปราถนาดีในตัวเด็ก เด็กจะมีมุมมองในตัวเองอย่างถูกต้อง ไม่ได้หลงตัวเองและไม่ยอมรับตนเอง ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เขาประเมินตนเองตามความเป็นจริง เขาอาจไม่เก่งในบางเรื่อง แต่เขาก็มีความพอใจในความสามารถด้านอื่นของตนเอง
เด็กที่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวให้สามารถมีกิจกรรมตามความสนใจ รวมทั้งสนับสนุนอย่างพอเหมาะในการดำเนินชีวิต ได้รับความชื่นชมส่งเสริมให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมตามวัย จะมีความมั่นคงและมีความเชื่อมั่นในตนเอง เชื่อว่าตนเองสามารถผ่านพ้นปัญหาไปได้
ทักษะทางสังคม
หมายถึง ความสามารถที่จะสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับบุคคลรอบตัวเองได้ ไม่ใช่แค่การกล้าแสดงออก พูดเก่งนำเสนองานเก่ง แต่แทบไม่มีเพื่อนที่คบหากัน เด็กต้องการประสบการณ์นอกห้องเรียน ที่ส่งเสริมการรวมกลุ่มตามความสนใจ ตามวัยเรียนรู้การปรับตัวในการอยู่ร่วมกับคนอื่น รู้วิธีที่จะแก้ไขปัญหาและความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
การได้ประสบการณ์ตามวัย อาจมีความเสี่ยงบ้าง แต่เป็นความเสี่ยงที่เด็กต้องเรียนร็ที่จะแก้ไขปัญหาได้ตามวัยของเขา รู้ว่าตนเองต้องจัดการกับอารมณ์ ความเครียด ความกดดัน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
พ่อแม่ต้องสนับสนุนการคิดการตัดสินใจด้วยตนเองของลูก แทนการหาคำตอบให้ทุกเรื่อง ไม่ปกป้องลูกจากโอกาสที่จะมีประสบการณ์ตามวัย ให้กำลังใจเมื่อลูกผิดพลาด เพื่อให้ลูกมีทักษะในการแก้ปัญหาทางสังคม
มีความคิดมุมมองที่เป็นบวก
ความเป็นเหตุเป็นผล สามารถมองเห็นด้านที่ดีกว่า แต่ก็ยอมรับในความเป็นจริงการคุยกันเป็นทางเลือกที่ช่วยพัฒนาทักษะความคิดแบบนี้ให้กับเด็กได้มาก รวมทั้งการเป็นต้นแบบในการคุยกันด้วยความมีเหตุผล เด็กทุกช่วงวัยต้องการการให้เหตุผล ยอมรับตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
เด็กอาจรู้สึกถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตว่า เขาโชคร้าย เช่น ถ้าพ่อแม่ยังอยู่ด้วยกัน เขาคงไม่ต้องถูกส่งมาอยู่กับป้า การเปิดใจคุยและยอมรับในความรู้สึกผิดหวังของเด็ก จะช่วยให้เด็กเริ่มมองสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตตัวเองด้วยมุมมองใหม่ ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง หาทางเลือกอื่นในการเติมความรู้สึกให้ตนเอง แทนการยอมแพ้ รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ตนเองสามารถจะทำให้ดีขึ้นได้ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในชีวิตเป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ที่เขาจะเดินผ่านไป โดยยังคงมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวังว่า ตนเองสามารถก้าวไปที่จุดที่เขาคิดว่าดีกว่าที่เป็นอยู่ได้
แน่นอน การเลิกรากันของพ่อแม่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมันจำเป็นต้องเกิดขึ้นแล้ว พ่อแม่ควรรับผิดชอบลูก วางแผนอนาคตโดยมีลูกเป็นส่วนหนึ่งเสมอ และต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้เขา อย่ามองแต่ชีวิตและหนทางของตัวเองเท่านั้น เพราะลูกคืออีกหนึ่งชีวิตที่คุณต้องคิดและทำทุกวิถีให้เขาได้เดินไปบนเส้นทางของอนาคตที่สดใสค่ะ