การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วย “วัคซีน” เป็นกลวิธีป้องกันโรครวมถึงควบคุมโรคติดต่อที่มีประสิทธิภาพสูง และมีความคุ้มค่ามากที่สุด โดยวัคซีนพื้นฐาน คือ วัคซีนจำเป็นที่เด็กทุกคนควรจะได้รับ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กไทยในแต่ละช่วงวัย ฉะนั้น การพาเบบี๋ไปฉีดวัคซีนถือเป็นหน้าที่สำคัญของพ่อแม่ค่ะ
วัคซีนพื้นฐานหรือวัคซีนจำเป็น
- วัคซีนวัณโรค (BCG) จะฉีดเมื่อแรกเกิด
- วัคซีนตับอักเสบบี (HBV) ควรฉีดตั้งแต่แรกเกิดและ 2 เดือน, 6 เดือน
- วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DPT) ควรให้ตามช่วงอายุตั้งแต่ 2, 4, 6 เดือน 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปี และฉีดเพื่อกระตุ้นการทำงานของวัคซีนอีกครั้งในช่วงอายุ 11-12 ปี
- วัคซีนโปลิโอ ควรให้ตามช่วงอายุตั้งแต่ 2, 4, 6 เดือน 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปี
- วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR) ควรฉีดตามช่วงอายุคือ 9-12 เดือน และ 2 ปี 6 เดือน
- วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JE) ควรฉีดตามช่วงอายุคือ 9-12 เดือน และ 2 ปี 6 เดือน
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า…
เพื่อให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากวัคซีนพื้นฐานแล้ว วัคซีนเสริมหรือวัคซีนทางเลือกมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรค วัคซีนเสริม ได้แก่ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดในเด็กปีละครั้ง ช่วงก่อนฤดูฝน โดยสามารถฉีดในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
วัคซีนเอชพีวี (HPV) หรือวัคซีคป้องกันมะเร็งปากมดลูก ช่วงวัยที่เหมาะสม คือ อายุ 9 ปีขึ้นไป วัคซีนฮิบ (Haemophilusinfluenzae type b) ควรฉีด ตามช่วงอายุตั้งแต่ 2, 4 และ 6 เดือน วัคซีนตับอักเสบ เอ และวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ควรฉีดที่ อายุ 1ปีขึ้นไป วัคซีนนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต อายุ 2,4,6 เดือน และ 12-18 เดือน และวัคซีนโรต้า ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดหยอดปาก ควรเริ่มให้ตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป
โดยพ่อแม่ควรนำสมุดวัคซีนมาด้วยทุกครั้ง เมื่อนำเด็กไปฉีดวัคซีน หากเด็กเจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น เป็นหวัด สามารถรับวัคซีนได้ แต่ในกรณีที่มีไข้ ให้เลื่อนการรับวัคซีนออกไป ภายหลังจากการได้รับวัคซีน อาจมีผลข้างเคียง เป็นไข้ ให้กินยาลดไข้หรือปวดบวมแดงร้อนบริเวณที่ฉีด ให้ประคบเย็นในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถพาเบบี๋สุดที่รักเข้ารับการฉีดวัคซีนพื้นฐานฟรี ได้ที่โรงพยาบาลของรัฐ และศูนย์อนามัย สาธารณสุขทั่วประเทศนะคะ