จัดลูกนอนถูกท่าเสริมพัฒนาการสมอง

0

คุณแม่คงทราบดีอยู่แล้วว่า  ทารกใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนอนหลับและการนอนหลับอย่างมีคุณภาพจะช่วยส่งเสริมพัฒนาทางร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์กับลูก  แต่นอกเหนือจากนี้  นักการศึกษาและนักจิตวิทยาพัฒนาการจากประเทศสหรัฐอเมริกายังพบว่า การจัดท่านอนที่ถูกต้องเหมาะสมกับช่วยวัยยังช่วยเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาให้กับลูกได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียวค่ะ

ช่วงอายุแรกเกิด – 3 เดือน

เสริมพัฒนาการสมองด้วยท่านอน (3)

  • ลูกในวัยนี้สามารถเอียงคอไปมาได้ แต่ยังชันคอได้ไม่ดีนัก
  • ท่านอนที่เหมาะสมคือ ท่านอนหงายหรือนอนตะแคง เพื่อให้ลูกสามารถมองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ง่ายขึ้น
  • ไม่ควรให้ลูกนอนคว่ำโดยที่ไม่มีคนดูแลใกล้ชิด เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายที่เรียกว่าภาวะ SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) ที่อาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้ นอกจากนี้จากการศึกษายังพบว่า เด็กที่ถูกจับให้นอนคว่ำในช่วงนี้จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้น้อยกว่า และเมื่อโตขึ้นจะมีความช่างสังเกตน้อยกว่าเด็กที่นอนหงาย
  • สิ่งแวดล้อมที่ควรจัดให้ลูกในช่วงวัยนี้ ควรเป็นภาพหรือของเล่นที่มีสีสันสดใสและมีเสียง อาจเคลื่อนไหวในแนวนอนหรือแนวราบก็ได้

ช่วงอายุ 4-6 เดือน

เสริมพัฒนาการสมองด้วยท่านอน (2)

  • ลูกในวัยนี้มีกล้ามเนื้อคอที่แข็งแรงมากขึ้น ลูกจึงสามารถชันคอยกศีรษะ และหันหน้าไปมาได้ดีขึ้น
  • ท่านอนที่เหมาะสม คือ ท่านอนคว่ำ และเพื่อความปลอดภัยหากทารกอยู่ในท่านอนคว่ำต้องมีคนดูแลใกล้ชิดและลักษณะที่นอน หมอนต้องไม่นุ่มนิ่ม จนมีปัญหาการอุดกั้นทางเดินหายใจได้ ลูกจะชอบยกศีรษะขึ้นมองสิ่งของที่อยู่ตรงหน้า และก้มหน้าลงมองภาพ หรือของเล่นที่อยู่บนพื้น
  • สิ่งแวดล้อมที่ควรจัดให้ลูกในช่วงวัยนี้ ควรเป็นผ้าปูที่นอนที่มีสีสันสดใส มีลวดลายที่ไม่ซับซ้อนมากเกินไป และควรแขวนของเล่นที่มีเสียงและเคลื่อนไหวได้ทั้งในแนวดิ่งและแนวราบเอาไว้ให้ลูกดูด้วย

ช่วงอายุ 6 เดือนขึ้นไป

เสริมพัฒนาการสมองด้วยท่านอน (1)

  • ลูกในวัยนี้มีกล้ามเนื้อคอและหลังที่แข็งแรง สามารถเคลื่อนไหวศีรษะ คอ ไหล่ แขน ขา และหลังส่วนบนได้ดี สามารถพลิกตัวไปมาได้
  • ท่านอนที่เหมาะสมคือ สามารถทำได้หลายท่า ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณต้องการให้ลูกเรียนรู้ โดยอาจให้ลูกนอนหงาย กึ่งนั่งกึ่งนอน นอนตะแคง หรือนอนคว่ำ
  • สิ่งแวดล้อมที่ควรจัดให้ลูกในช่วงวัยนี้ ควรเป็นของเล่นที่เคลื่อนไหวในแนว 360 องศา

ไม่ว่าจะจัดท่านอนแบบไหน  สิ่งที่คุณแม่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ คือ  เรื่องความปลอดภัยของลูกค่ะ  คุณแม่ควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด  และมีส่วนร่วมให้กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการต่างกับลูน้อย เพื่อให้ลูกมีความรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัย  จะได้เกิดความมั่นใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอค่ะ

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *