ความที่มะเร็งมีมากกว่า 200 ชนิด และถือเป็นโรคใกล้ตัวที่เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย เราจึงได้ยินสารพัดความเชื่อเกี่ยวกับโรคนี้มากมาย หนึ่งในนั้นคือ…
ความเชื่อที่ว่าเป็นมะเร็งแล้วห้ามกินเนื้อสัตว์!
ข้อมูลจาก นพ.กสานติ์ สีตลารมณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แผนกมะเร็งวิทยา กองอายุรกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และกรรมการมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย ระบุว่า
ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง ความต้องการอาหารจะแตกต่างจากคนปกติ เพราะผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งต้องการสารอาหารเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ เพื่อซ่อมแซมเซลล์ปกติ
นอกจากนี้ โรคมะเร็งหรือวิธีการรักษาอาจมีผลทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร แผลอักเสบเยื่อบุช่องปากหรือหลอดอาหาร ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีแนวโน้มที่จะขาดสารอาหาร และมีน้ำหนักตัวลดลง ดังนั้น ควรพยายามรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ในระหว่างการรักษา ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการของร่างกาย
แม้ผู้ป่วยจะอดอาหารโดยไม่รับประทานอะไรเลย เซลล์มะเร็งก็ยังมีความสามารถในการเจริญเติบโตได้ ที่สำคัญยังไม่เคยมีหลักฐานว่าการเลือกรับประทานอาหารจะทำให้เซลล์มะเร็งโตช้าลงหรือฝ่อลง
เนื้อสัตว์หนึ่งคำที่รับประทานเข้าไป ย่อมกระจายไปสู่เซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย ไม่ได้เลือกที่จะวิ่งไปสู่ก้อนมะเร็งเพียงที่เดียว ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นของโรคมะเร็งตามมาอีกด้วย
ไม่ควรงดเนื้อสัตว์ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยขาดสารอาหาร ทำให้ทนต่อการรักษาโรคมะเร็งวิธีต่างๆ ได้ไม่ดี
แต่เพื่อความปลอดภัยควรเลี่ยงเนื้อแดง สุกๆ ดิบๆ เนื้อหมักเค็มจัดๆ หรือใช้สารที่ช่วยในการเก็บรักษาเนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์ที่ปิ้งย่างจนเกรียมไหม้ เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เนื้อสัตว์ที่ถนอมด้วยการใส่ดินประสิว เช่น ไส้กรอก แหนม เนื้อเค็ม ควรรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณจำกัด คือ รับประทานให้น้อย
ย้ำชัดๆ อีกครั้งว่าอาหารที่ควรรับประทานเมื่อเป็นมะเร็ง คือ อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ไม่ใช่เลือกรับประทานอาหารเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง ที่สำคัญต้องปรุงสุกและสะอาดนะคะ