อย่าหาทำ…ขูดหินปูนเอง เสี่ยงเลือดออก-เหงือกอักเสบ

0

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “คราบหินปูน” เป็นปัญหาสุขภาพช่องปากที่ทุกคนต้องเจอ ที่น่ากังวล คือ แทนที่จะไปพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนออก บางคนกลับคิดว่าสามารถจัดการกับคราบหินปูนด้วยตัวเองได้ โดยสรรหาอุปกรณ์มาใช้เพื่องัดแงะหินปูนออกจากซอกฟัน โดยหารู้ไม่ว่าเป็นการทำร้ายสุขภาพช่องปากและฟันของตนเอง

 

“คราบหินปูน” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “หินน้ำลาย” เกิดจากคราบจุลินทรีย์สะสมและจับกับเชื้อโรคจนกระทั่งตกตะกอนกลายเป็นของแข็งเกาะอยู่บนผิวฟัน ซอกเหงือก ซอกฟัน และขอบฟัน พบมากและบ่อยในฟันหน้าล่างด้านใน มีสีเหลืองน้ำตาลจนถึงดำมีลักษณะแข็ง อาจพบได้อยู่บริเวณเหนือเหงือกหรือใต้ขอบเหงือก

 

46

 

คราบหินปูน เป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น เลือดออกขณะแปรงฟัน ฟันเหลือง มีกลิ่นปาก เหงือกอักเสบ เหงือกร่น โรคปริทันต์ ฟันผุ ฟันโยก ฟันห่าง และเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันหลายประการ หรือร้ายแรงกว่านั้น อาจทำให้เราสูญเสียฟันได้ คราบหินปูน มีลักษณะแข็งเกาะตามผิวฟันและซอกฟัน บางคนอาจซื้ออุปกรณ์ที่ระบุว่าสามารถช่วยขูดหินปูนได้ด้วยตนเอง นำมาลองใช้เองที่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการไปพบทันตแพทย์

 

ความจริงแล้ว การขูดหินปูนไม่ควรทำด้วยตัวเองไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ใดก็ตาม เพราะอาจพลาดไปทำลายผิวฟันหรือเหงือก และอวัยวะอื่น ๆ ในช่องปากจนเกิดอันตราย รวมถึงอุปกรณ์ไม่สะอาดเพียงพอ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ การขูดหินปูนต้องใช้เครื่องมือทางทันตกรรมที่ออกแบบมาและผ่านการฆ่าเชื้อตามวิธีมาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อการขูดหินปูนโดยเฉพาะ ดังนั้น ควรพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนและตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน เพื่อสุขภาพปากและฟันที่แข็งแรง

 

สำหรับขั้นตอนการขูดหินปูน โดยทันตแพทย์ไม่ยุ่งยาก และไม่ทำให้ฟันสึกกร่อน โดยทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือขจัดหินปูนแบบที่มีแรงสั่นสะเทือนความถี่สูง ทำให้หินปูนหลุดออก ร่วมกับการใช้เครื่องมือชิ้นเล็กขูดหินปูนโดยละเอียดอีกครั้ง จากนั้นจะทำความสะอาดช่องปากและเคลือบฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ อย่างไรก็ตาม ควรดูแลรักษาฟันด้วยตนเองเป็นกิจวัตรเพื่อลดการสะสมของคราบหินปูน ดังนี้

 

  1. แปรงฟันให้สะอาดและถูกวิธี โดยแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เวลาเช้าและเย็น หรือหลังรับประทานอาหาร การแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อเป็นสิ่งที่ดีมากแต่ถ้าไม่สามารถกระทำได้ให้บ้วนน้ำแรง ๆ 2-3 ครั้ง หลังอาหาร
  2. เลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
  3. ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ เพื่อกำจัดคราบอาหารในจุดที่แปรงสีฟันเข้าซอกซอนไม่ถึงออกให้หมด
  4. หลีกเลี่ยงการรับประทานขนมจุบจิบและเครื่องดื่มที่มีรสหวาน

 

ที่สำคัญ อย่าลืมไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจสภาพเหงือกและฟัน และนำไปสู่การดูแลรักษาแต่เนิ่น ๆ อย่างถูกวิธี ป้องกันการสูญเสียฟันจากโรคฟันผุและปริทันต์ก่อนวัยอันควร

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *